รีวิว Kingston DataTraveler 2000 สุดยอดความปลอดภัยกับแฟลชไดร์ฟใส่รหัส

ย้อนไปเมื่อวันที่ Kingston DataTraveler 2000 ออกสู่สายตาชาวโลกก็เป็นที่สนใจของหลายคน เพราะเป็นแฟลชไดร์ฟที่เน้นเรื่องความปลอดภัยด้วยการเข้ารหัสในระดับ hardware ที่สะดวกและปลอดภัยกว่า

Kingston DataTraveler 2000 เข้ารหัสในระดับ hardware แบบ XTS-AES 256 bit โดยเป็นการเข้ารหัสในตัว ไม่ต้องใช้ software หรือยึดติดกับระบบปฏิบัติการใดๆ ทำให้ Kingston DataTraveler 2000 โดดเด่นกว่าแฟลชไดร์ฟตัวอื่นๆ ที่ใช้การเข้ารหัสในระดับ software และต้องใช้ร่วมกับโปรแกรมซึ่งไม่สะดวกเท่าที่ควร

ที่พิเศษหน่อยก็คือรุ่นนี้มีแบตเตอรี่ในตัว เพื่อให้เราได้กดรหัสปลดล็อกก่อนจะเสียบใช้งาน โดยมีรหัสแรกเริ่มคือ 1-1-2-2-3-3-4-4 และสามารถเปลี่ยนรหัสได้ตามที่เราต้องการด้วยความยาว 7-15 หลัก

บนตัวแฟลชไดร์ฟมีไฟ LED บอกสถานะอยู่ 3 จุด กับปุ่มตัวเลข 0-9 และปุ่มรูปกุญแจหรือที่ Kingston เรียกว่าปุ่ม “KEY” ซึ่งเป็นปุ่มที่ใช้ควบคุมทุกอย่างตั้งแต่การปลดล็อก โดยกด KEY และตัวแฟลชไดร์ฟก็จะขึ้นไฟกระพริบสีแดงเพื่อรอการกรอกรหัส และเมื่อกรอกรหัสเรียบร้อยก็ให้กดปุ่ม KEY ครั้ง คราวนี้ก็จะขึ้นไฟสีเขียวพร้อมใช้งาน และเนื่องจากมันถูกออกแบบมาเพื่อเน้นความปลอดภัย ดังนั้นหลังจากปลดล็อก 30 วินาที ถ้าไม่มีการใช้งานก็จะกลับสู่สถานะล็อกทันที

และถ้ามีการใช้งานก็ไม่ต้องกังวลว่าจะลืมล็อก เพราะเมื่อถอดออกจากเครื่องคอมก็จะล็อกตัวเองทันที หรือถ้าใจร้อนอยากให้มันล็อกโดยไม่ต้องรอก็สามารถกดค้างที่ KEY นาน 3 วินาทีได้เช่นกัน

เนื่องการเป็นการเข้ารหัสในระดับ hardware ทำให้การตั้งค่าต่างๆ ก็ต้องทำผ่าน hardware เช่นกัน ซึ่งอาจจะไม่คุ้นมือสำหรับคนยุค digital ที่ถนัดการทำผ่าน software ที่มีคำสั่งชัดเจน แต่ถ้าเป็นคนยุค analog หรือฝ่ายไอทีก็คงคุ้นชินกับการท่องจำคำสั่งที่หลากหลายบนปุ่มเดียวกัน เพราะปุ่ม KEY ของรุ่นนี้ทำหน้าที่ทุกอย่างจริงๆ

ด้านรายละเอียดการตั้งค่าต่างๆ ผมแนะนำว่าอ่านตามคู่มือจะดีกว่าครับ แต่ถ้าหยิบเฉพาะส่วนหลักที่น่าสนใจก็คือ รุ่นนี้สามารถตั้งค่าให้เป็นแบบ read-only ได้ด้วย ทำให้เครื่องปลายทางไม่สามารถแก้ไขข้อมูลบนแฟลชไดร์ฟตัวนี้ได้ รวมถึงไวรัสก็ไม่สามารถแอบแฝงมาด้วยเช่นกัน

สำหรับมือใหม่ที่ไม่เข้าใจคำว่า read-only ผมก็ขอยกตัวอย่างแผ่น CD ซึ่งเราสามารถเปิดอ่านข้อมูลจากมันได้แต่ไม่สามารถเขียนข้อมูลลงไปได้นั่นเอง

นอกจากนี้ยังสามารถตั้งค่า Timeout หรือระยะเวลาการล็อกตัวเองเมื่อไม่ได้ใช้งาน หรือจะยกเลิกโหมดนี้ไปเลยก็ได้เช่นกัน

แต่ส่วนที่ต้องระวังเป็นพิเศษก็คือ Kingston DataTraveler 2000 มีระบบป้องกันการแฮกแบบ brute force โดยการสุ่มกดมั่วๆ ดังนั้นถ้ามีการกดรหัสผิดติดต่อกัน 10 ครั้งก็จะเกิดการทำลายตัวเองด้วยการ reset ล้างค่าทุกอย่างให้เหมือนของใหม่แกะกล่อง

เรื่องของความเร็วที่เขียนบนหน้ากล่องว่า USB 3.1 Gen 1 ( USB 3.0 ) ถ้าอธิบายให้ง่ายๆ มันก็คือ USB 3.0 นั่นแหละครับ เพียงแต่มันมีชื่อเรียก 2 แบบ

จากการทดสอบ benchmark ด้วยแอพ Blackmagic Disk Speed Test บน MacBook เมื่อรันไปสักพักก็ได้ค่าเฉลี่ยความเร็วการอ่านประมาณ 35 MB/s และการเขียน 38 MB/s

ถ้ามองในแง่ความปลอดภัยและความสะดวก ก็ถือว่าทำได้น่าสนใจที่สุดในชีวิตการรีวิวของผมเลยก็ว่าได้ เพราะที่ผ่านมาผมเห็นแต่การเข้ารหัสแบบ software หรือบางรุ่นก็แบ่ง partition พร้อมกับเข้ารหัส แต่เวลาจัดการต้องทำผ่านโปรแกรมที่ติดตั้งบนคอม ซึ่งมันไม่สะดวกเอามากๆ เพราะนั่นหมายความว่าถ้าเราเปลี่ยนไปใช้คอมเครื่องอื่นก็ต้องติดตั้งโปรแกรมใหม่อีกครั้ง

หรือบางรุ่นก็สะดวกหน่อย เพียงแค่มี software อยู่บนตัวแฟลชไดร์ฟก็สามารถปลดล็อกรหัสได้ แต่ถ้าเผลอไปลบไฟล์โปรแกรมนี้ก็จะปลดล็อกไม่ได้อีกนั่นล่ะ

ซึ่งการจัดการในระดับ hardware สามารถแก้ปัญหาพวกนี้ได้ทั้งหมด โดยเฉพาะ read-only ที่มันเจ๋งมากๆ มันทำให้แฟลชไดร์ฟเรารอดพ้นจากการแก้ไขไฟล์ที่ไม่พึงประสงค์ ทั้งเรื่องของไวรัสและเรื่องของ user error

ส่วนราคาในไทยก็ยังไม่เคาะอย่างเป็นทางการ แต่ราคาของเมืองนอกก็ประมาณ 204 usd หรือราวๆ 7,400 บาท และแน่นอนว่าหลายคนตกใจเพราะแฟลชไดร์ฟ 32 GB ทั่วไปราคาก็ไม่ถึงพัน แต่ถ้าเป็นคนที่ต้องการความปลอดภัยจริงๆ ก็ถือว่าคุ้มค่ามาก เพราะไม่มีรุ่นไหนทำได้แบบนี้อีกแล้ว ( อย่างน้อยก็ตอนนี้อ่านะ )