เรื่องย่อ
เจมี่ เรเยส ที่เพิ่งเรียนจบจากมหาวิทยาลัยมาหมาดๆ ค้นพบว่าครอบครัวเขากำลังจะล้มละลาย จึงต้องยอมทำงานทุกอย่างที่หาได้ วันหนึ่งเขาหลงพัวพันเข้าไปอยู่ในสถานการณ์วุ่นๆ และได้รับพลังจากสคารับ ทำให้เข้าสามารถแปลงกายเป็นซุเปอร์ฮีโร่ Blue Beetle ได้ แต่ในขณธเดียวกันก็ถูกตามล่าโดยองค์กร Kord ที่ต้องการพลังของเขานำไปพัฒนาเป็นอาวุธ และเป็นองค์กรเดียวกันที่ทำลายครอบครัวของเขา
Blue Beetle สนุกไหม
นี่คือหนังที่มีที่มาที่ไปไม่ธรรมดา ก่อนหน้านี้มันถูกวางเป็นหนังภาพยนตร์ Exclusive สำหรับแพลตฟอร์ม HBO Max ถูกสร้างในยุค DC ยุคเก่า และเมื่อ James Gunn กับ Peter Safran เข้ามาปรับเปลี่ยนและยกเครื่อง DC ใหม่ Blue Beetle ก็มีความสุ่มเสี่ยงสูงมากๆ ที่จะโดนแคนเซิลและถูกเก็บเข้ากรุ แต่กลับกัน Blue Beetle ได้รับกำหนดฉายในโรง แถมได้รับเกียรติเป็นตัวละครฮีโร่ตัวแรกใน DCU (แต่หนัง DCU เรื่องแรกจะเป็น Superman: Legacy นะ)
ช่วงแรกของหนังเดินเรื่องธรรมดาไปสักนิด เรียกว่าเรียงมาตามพล็อตหนังฮีโร่ตามสูตรแบบเป๊ะๆ แต่พอผ่านกลางเรื่องไปได้แล้วหนังเหมือนเครื่องติด คราวนี้ใส่แบบจัดหนักจัดเต็มทั้งดราม่า แอ็คชั่น ตัวละครต่างๆ ที่ตอนต้นอาจจะดูแปร่งๆ ล้นๆ ก็ลงตัวขึ้น มีความชัดเจนในตัวเองมากขึ้น และทุกอย่างผสานกันค่อยๆ ดันกราฟความสนุกได้แบบเกินคาด ชอบตัวละครคุณย่ามาก ขโมยซีนสุดๆ
งานภาพเป็นอีกส่วนที่ชอบ มาด้วยธีมอนาคตในแบบยุค 90 ที่มีไฟนีออน ให้ความสวยงามและเก๋ไปอีกแบบ
แม้จะเป็นหนังฮีโร่แต่ตัวหนังใส่ประเด็นที่น่าสนใจลงไป คือเรื่องครอบครัวที่ถือเป็นแก่นของฮีโร่ Blue Beetle เลย และเป็นหนังที่เชิดชูชาวลาตินอเมริกาที่แอบแฝงประวัติศาสตร์ให้เราอยากไปศึกษาเพิ่ม
ต้องบอกว่าดูจบแล้วประทับใจ และคาดหวังกับบทบาทของตัวละคร Blue Beetle ในจักรวาล DCU ในอนาคตว่าจะออกมาเป็นอย่างไรครับ
เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย Blue Beetle เวอร์ชัน Jamie Reyes ตามคอมมิคคือเป็น Blue Beetle คนที่ 3 และประเด็นนี้ถูกนำมาเล่นในหนังด้วย คือเจ๋งมาก