รีวิว “ยากิ ยากิ อิซากายะ” ทีเด็ดอยู่ที่สเต็กเนื้อและโรลเอ็นกาวะ

ความคาดหวังของคำว่าอิซากายะในบ้านเรา ก็คงเป็นเรื่องธีมร้านที่ผ่อนคลายแบบญี่ปุ่น ได้จิบเครื่องดื่มท่ามกลางเสียงดนตรี และที่ขาดไม่ได้คืออาหารอร่อย โดย “ยากิ ยากิ อิซากายะ” เป็นร้านที่เราอยากบอกต่อด้วยจุดเด่นด้านอาหาร ที่ราคาดีและอร่อยจนอยากจะไปซ้ำอีกหลายๆ ครั้ง

ข้อมูลร้าน ยากิ ยากิ อิซากายะ

ยากิ ยากิ อิซากายะ ( Yaki Yaki Izakaya ) มีทั้งหมด 2 สาขา คือสาขาพัฒนาการ และสาขารามอินทรา โดยสาขาที่เรารีวิวในครั้งนี้คือที่รามอินทรา พิกัดของร้านอยู่ไม่ไกลจากแฟชั่นไอส์แลนด์

แผนที่ร้าน

ส่วนข้อมูลอื่นๆ ดูเพิ่มเติมได้ที่เฟซบุ๊คเพจ https://www.facebook.com/yakiyakiizakaya.bkk

บรรยากาศชวนพักผ่อน

เราเดินทางมาที่ร้านในช่วงเกือบเย็นวันศุกร์ ซึ่งเป็นเวลาดีเหมาะกับการพักผ่อน เพียงแค่เห็นหน้าร้านก็เหมือนเราก้าวเข้าไปอีกโลกที่ดูญี่ปุ่นมาก เมื่อเปิดประตูเข้าในร้านก็จะพบการตกแต่งสไตล์อิซากายะ ที่ให้อารมณ์ต่างกับผับบาร์แม้ว่าจะเป็นร้านที่เน้นเครื่องดื่มและการพักผ่อนเหมือนกันก็ตาม

การเว้นระยะระหว่างโต๊ะก็ห่างกันพอสมควร นั่งได้สบายไม่แออัด และสิ่งถัดมาที่ทำให้ร้านนี้น่าสนใจมากขึ้น คือข้อความบนหน้าแรกของเล่มเมนู เป็นข้อความสั้นๆ 5 ข้อ

  1. ปลาและของสดที่นำมาใช้ทำซาซิมิหรือซูชิเป็นแบบสด ไม่ใช่ของแช่แข็ง
  2. แซลมอนซื้อเป็นตัวมาแล่ให้ลูกค้า ดังนั้นเมนูหัวปลาแซลมอนต้มซีอิ๊วจึงมีจำกัด
  3. วัตถุดิบที่แปรรูปแลเครื่องปรุงส่วนใหญ่ เชฟเราทำเอง
  4. ซาบะดองทำเอง
  5. ร้านเราไม่มี service charge เพราะลูกค้าคือเพื่อนเรา

เมนูอาหารราคาไม่แพง เมื่อเทียบกับร้านอิซากายะอื่น

ภาพจำของร้านอิซากายะของหลายคน คือร้านที่เน้นเครื่องดื่มและอาหารแพง แต่ “ยากิ ยากิ อิซากายะ” เป็นอีกร้านที่ราคาไม่โหดร้าย แต่สิ่งที่เหนือกว่าราคาก็คือปริมาณและคุณภาพครับ ซึ่งเมนูที่เรานำมาให้ดูเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น เพราะมีอีกหลายเมนูที่แปะอยู่ข้างกำแพงและไม่มีในเล่ม

ลองนึกถึงเมนูย่างเสียบไม้ตามร้านอิซากายะ ปรกติแล้วจะได้ชิ้นเล็กๆ จนรู้สึกไม่กล้ากินเยอะ แต่ที่นี่ให้เป็นชิ้นเป็นอัน กินเอาอิ่มได้เลย และการย่างก็มีความหอมกลมกล่อม นุ่มกำลังดี ราดด้วยซอสเทอริยากิหวานๆ กินเพลินมาก เชื่อว่าหลายคนน่าจะชอบเมนูนี้ …ราคาไม้ละ 38 บาทแค่นั้นเอง ยกเว้นเห็ดเข็มทองพันเบคอนที่ราคา 45 บาท ด้วยความอร่อยระดับนี้ ทำเอาทีมงานเราจินตนาการอยากให้ทางร้านทำแบบย่างเกลือด้วยเลย แต่น่าเสียดายที่ร้านนี้ไม่มีแบบย่างเกลือ

ยำทูน่า เป็นอะไรที่ไม่คาดคิด มันไม่ใช่แบบที่จินตนาการไว้ รสชาติออกไปทางหวานๆ เปรี้ยวๆ อย่างละนิด เตะจมูกด้วยกลิ่นตะไคร้ แต่ลงตัวอย่างไม่น่าเชื่อ เหมาะกับการเป็นกับแกล้มคู่กับเครื่องดื่มเพลินๆ

นาเบะเป็นไปตามมาตรฐานรสชาติความเป็นมิโซะ ความอร่อยอยู่ตรงที่ได้ซดซุปร้อนๆ กับเนื้อหมูนุ่มๆ และผักที่ชุ่มอมรสของมิโซะเข้าไป

รูปนาเบะนี้เพื่อการรีวิวเท่านั้น ปรกติทางร้านจะต้มมาให้ก่อน แต่เราขอให้ทางร้านจัดจานเพื่อการถ่ายรีวิว

มาถึงจานเด็ดที่ทีมงานเรายกให้เป็นที่สุดและอยากซ้ำอีกคือสเต็กเนื้อ เรารีเควสขอให้ทางร้านย่างแบบ rare ที่สุด จะเป็น blue rare เลยก็ได้ และขอเกลือพริกไทยเพิ่ม เพราะรู้สึกว่าเนื้อดีๆ แค่จิ้มเกลือโรยพริกไทยก็อร่อยแล้ว ซึ่งเมนูนี้ก็ไม่ทำให้เราผิดหวัง ดีทุกอย่าง ให้แบบ 10/10 เลย แม้แต่กระเทียมและผักเครื่องเคียงก็ทำออกมาได้อย่างพอดี …และที่ถูกใจเรากว่านั้น คือตอนนี้มีโปรโมชั่นราคาแค่ 189 บาทเท่านั้น!!!

แฮมเบิร์กของร้านนี้ออกไปทางละมุนลิ้น เนื้อเนียน บวกกับซอสหวานๆ ทำเอานึกถึงตอนเราเป็นเด็ก ถ้าได้เมนูที่หวานนุ่มละมุนแบบนี้ก็คงเป็นจานโปรดเลย

สเต็กแบบเทปันยากิเหมาะสำหรับคนชอบเนื้อแบบได้กัดได้เคี้ยว แค่บีบมะนาวลงไปนิดพอแต่รีดรสก็อร่อยแล้ว

เมนูที่อร่อยเกินคาดคือข้าวผัด เม็ดข้าวมีความร่วนกำลังดี แซลมอนที่นำลงไปผัด ถูกคลุกเคล้ากระจายตัวอย่างทั่วถึง และน้ำมันที่มาจากแซลมอนก็เหมือนจิ๊กซอว์ตัวสุดท้ายที่เข้ามาเติมเต็ม ทำให้ข้าวผัดจานนี้มีความร่วน หอม มีรสชาติ ไม่ใช่แค่เมนูแก้ขัด แต่นี่คือเมนูหลักที่ควรค่าแก่การลอง

ไม่บ่อยนักที่เราจะเห็นเมนูเอ็นกาวะในร้านลักษณะนี้ และยิ่งออกมาเป็นโรลก็เรียกได้ว่าเป็น rare item เลย สำหรับคนที่ชื่นชอบเอ็นกาวะจะรู้ดีว่าเมนูนี้ต้องมาคู่กับพ่อครัวฝีมือดี เพราะถ้าทำแบบอะบุริ ( เบิร์นไฟ ) มาน้อยไปก็ไม่อร่อย ขาดกลิ่นหอมและความมันจากเนื้อปลา แต่ถ้าเบิร์นเยอะเกินไปก็เสียของ

ผลลัพธ์ที่ได้คือความประทับใจของเรา ด้วยความหอม ความนุ่ม บวกกับเอกลักษณ์ของเนื้อเอ็นกาวะ การให้สัดส่วนข้าวและไส้ที่ปรุงรสมาอย่างพอดิบพอดี จึงทำให้จานนี้เป็นอีกเมนูที่เราอยากให้ลอง …และราคาก็ถูกกว่าที่เราคิดไว้ แค่ 229 บาทแค่นั้นเอง

เข้าโซนครัวเย็นแล้วขอต่อที่ซูชิเลยละกัน เพื่อไม่ให้อิ่มเกินไปเราเลยสั่งซูชิมาลองคนละชิ้น โดยมีซูชิเอ็นกาวะ 89 บาท, ซูชิซาบะดอง 69 บาท, ซูชิอิคุระ 69 บาท ซึ่งเราทั้งสามคนรู้สึกดีกับจานนี้ครับ

ก่อนแยกย้าย เราก็เหลือบไปเห็นป้ายข้างกำแพงที่โปรโมทเมนูอิคุระ ก็เลยสั่งปิดท้ายกันไป คีบๆ ห่อๆ ก่อนจาก …ก็ดีตามมาตรฐานครับ

บทสรุปรีวิว ยากิ ยากิ อิซากายะ

วันที่เราไปทำรีวิว ทางร้านได้ให้ข้อมูลว่าร้านพึ่งเปิดไม่นาน ลูกค้ายังไม่ค่อยรู้จัก แต่หลังจากที่เราได้ลองชิมเมนูต่างๆ แล้ว ก็คิดว่าร้านนี้มีดีทั้งความอร่อยและราคา ควรค่าแก่การบอกต่อ คุ้มค่าน่าไปในระดับที่ทีมงานเราอยากกลับไปซ้ำอีกรอบครับ