มือใหม่เลือกซื้อเครื่องกรองน้ำก็คงจะสับสนอยู่ไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของระบบ UF, UV, RO รวมไปถึงยี่ห้อที่มีมากมาย แล้วเครื่องกรองน้ำแบบไหนที่เหมาะกับคุณ มาหาคำตอบกัน
สารบัญเนื้อหา
เครื่องกรองน้ำราคาถูกและแพงต่างกันยังไง?
ถ้าว่ากันตามตรงแล้ว เครื่องกรองน้ำถูกและแพงมีประสิทธิภาพในการกรองไม่หนีกันเท่าไร เมื่อเทียบในประเภทเดียวกัน เพราะปัจจัยหลักอยู่ที่ไส้กรอง ส่วนเรื่องรสและกลิ่น หลายสำนักก็เคยทดสอบ Blind Test ผลก็คือแทบแยกไม่ออกว่าอันไหนมาจากรุ่นแพง ดังนั้นในภาพรวมแล้วความต่างระหว่างเครื่องกรองน้ำรุ่นถูกและแพง มีประเด็นดังนี้
- ดีไซน์
- ความสวยงาม รุ่นราคาสูงจะสวยงามเหมาะกับการเผยแพร่สู่สายตาชาวโลก ส่วนรุ่นถูกมีหน้าตาไม่สวยนัก เหมาะกับการหลบและแอบทำงานอยู่ลับๆ
- การสื่อสารกับเรา รุ่นราคาสูงบางรุ่นมาพร้อมกับการแสดงผลแบบหน้าจอ หรือมีไฟบอกสถานะของตัวเครื่องว่าถึงเวลาเปลี่ยนไส้กรองแล้ว ในขณะที่รุ่นถูกต้องอาศัยการสังเกตว่าน้ำไหลเบาลง และก็คาดเดาว่าไส้กรองชิ้นไหนน่าจะหมดอายุแล้ว
- การดูแลรักษา
- ราคาไส้กรอง เครื่องกรองถูกๆ มีไส้กรองราคาทั้งชุดรวมกันประมาณ 1,500 บาท ในขณะที่รุ่นแพงแบรนด์ดังบางตัว เฉพาะไส้กรองก็ราคา 7,000 – 8,000 บาท
- อะไหล่ คนมักคิดว่ารุ่นแพงแบรนด์ดังอะไหล่น่าจะหาง่ายกว่า แต่ที่จริงแล้วไม่ใช่ครับ ในทางปฏิบัติแล้วรุ่นถูกหาอะไหล่ง่ายกว่า เพราะมีคนใช้เยอะกว่า บริษัทก็ผลิตอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่รุ่นแพงถ้าขายไม่ดีก็อาจจะเลิกผลิตไปดื้อๆ เลย
- ความสะดวก รุ่นถูกจะใช้อุปกรณ์คล้ายประแจขนาดใหญ่ในการหมุนขันกระบอกเพื่อเปลี่ยนไส้กรอง ส่วนรุ่นแพงมักมีตัวช่วยที่ง่ายกว่า เช่น มีปุ่มกดเพื่อปลดล็อกง่ายๆ
- ความสบายใจ แน่นอนว่าของแพงก็มาพร้อมกับความสบายใจ ทั้งชื่อชั้นของแบรนด์และศูนย์บริการ แต่รุ่นถูกก็ดีตรงที่ถ้าพังขึ้นมาก็โยนทิ้ง ซื้อใหม่ได้แบบไม่ต้องเสียดายมากนัก
- ลูกเล่นเสริม ถ้าเป็นเครื่องกรองน้ำ RO ราคาสูง บางรุ่นจะมีชุดกระบอกเติมแร่ธาตุกลับเข้าไป เนื่องจาก RO จะกรองทั้งสิ่งดีและไม่ดีออกทั้งหมด ถ้าอยากได้แร่ธาตุก็ต้องมาเติมเพิ่มเองหลังจากกรองเสร็จ
นี่ก็คงตอบคำถามเบื้องต้นได้แล้วว่าเราจำเป็นต้องซื้อรุ่นแพงๆ ราคาสูงไหม หรือเอาแค่รุ่นประหยัดเงินก็เพียงพอ
ประเภทเครื่องกรองน้ำ
โดยทั่วไปแล้วหากไม่นับเครื่องกรองน้ำสำหรับอุตสาหกรรมแล้ว ประเภทของเครื่องกรองน้ำแบ่งออกเป็น 2 ชนิดคือ เครื่องกรองน้ำใช้ และเครื่องกรองน้ำดื่ม โดยจุดต่างหลักอยู่ที่ความละเอียดในการกรอง ซึ่งเครื่องกรองน้ำใช้จะไม่ละเอียดเท่าเครื่องกรองน้ำดื่ม
เครื่องกรองน้ำใช้
สิ่งแรกที่ผมอยากแนะนำให้ทำหลังจากซื้อบ้านคือการติดเครื่องกรองน้ำใช้ เพราะในความจริงแล้วน้ำประปาบ้านเรายังไม่สะอาดเท่าที่ควร ซึ่งคราบพวกนี้จะสร้างความเสียหายในระยะยาว เช่น คราบหินปูนตามอ่างล้างหน้า, คราบสีเหลืองในชักโครก, คราบตะกรันตามจานชาม ฯลฯ รวมถึงเครื่องใช้ต่างๆ เช่น เครื่องซักผ้า, เครื่องล้างจาน, กาต้มน้ำ, เครื่องทำกาแฟ ฯลฯ ที่ต้องพังเร็วกว่าที่ควรเพราะการใช้น้ำไม่สะอาดนี่แหละครับ นอกจากนี้เวลาอาบน้ำที่ไม่ผ่านเครื่องกรองน้ำใช้ ก็อาจเกิดอาการแพ้หรือระคายเคืองรวมถึงเป็นสิวได้ง่ายด้วย
นี่คือไส้กรองที่บ้านผมซึ่งอยู่ในกรุงเทพ ที่หลายคนคาดหวังว่าน้ำประปาต้องดีที่สุดแล้ว หลังจากใช้งานมา 2 เดือนจากไส้กรองสีขาวก็กลายเป็นโคลนสีน้ำตาล ซึ่งนี่แหละครับที่จะเข้าไปอยู่ตามเครื่องใช้ในบ้านถ้าเราไม่มีเครื่องกรองน้ำใช้
ตอนที่ยังไม่ติดเครื่องกรองน้ำใช้ ผมรู้สึกได้เลยว่าเวลาอาบน้ำไม่ค่อยสะอาด จะเหนียวตัวหน่อยๆ สระผมเสร็จเส้นผมก็แข็งๆ และฝักบัวก็ตันง่าย แต่พอติดเครื่องกรองน้ำใช้แล้วปัญหาต่างๆ ก็หายไป ดังนั้นไม่ว่าคุณจะใช้เครื่องกรองน้ำดื่มหรือไม่ แต่สิ่งที่ควรต้องมีคือเครื่องกรองน้ำใช้ครับ
วิธีเลือกเครื่องกรองน้ำใช้
การเลือกเครื่องกรองน้ำใช้ถ้าจะให้ดีต้องเริ่มจากปัญหาก่อนครับ ต้องดูว่าน้ำที่บ้านมีปัญหายังไงบ้าง เช่น มีตะกอนดิน, มีคราบหินปูน, มีกลิ่น ฯลฯ จากนั้นก็ปรึกษากับทางร้านค้า เพื่อเลือกรูปแบบถังและสารกรองที่ต้องใช้ ซึ่งรูปแบบถังที่นิยมใช้ตามบ้านมีอยู่ 2 แบบ
- เครื่องกรองน้ำใช้แบบกระบอก ขนาดเล็ก ตั้งพื้นหรือแขวนผนังก็ได้ ต้องเปลี่ยนไส้กรองทุก 1-6 เดือน
- เครื่องกรองน้ำใช้แบบถังไฟเบอร์กลาส ถังใหญ่ตั้งพื้น ไม่ต้องเปลี่ยนไส้กรองบ่อยๆ ใช้วิธีเปิดวาล์วล้างตัวถังเป็นระยะ
จะเห็นว่าทั้ง 2 รูปแบบมีจุดเด่นจุดด้อยต่างกัน ถ้าลงรายละเอียดมากกว่านี้ก็คือแบบกระบอกต้องเปลี่ยนไส้กรองบ่อยก็จริง แต่ไม่มีน้ำเสียทิ้งออกมาข้างนอก ลดปัญหาเศษดินสะสมในท่อระบายน้ำ ในขณะที่ถังแบบไฟเบอร์กลาสจะเปลี่ยนไส้กรองประมาณทุกๆ 1-4 ปี แต่เราก็ต้องมาทำการ Back Wash ( ล้างถัง ) เฉลี่ยเดือนละ 1 ครั้ง
ซึ่งอันที่จริงแล้วไส้กรองแบบกระบอกก็สามารถทำความสะอาดและนำมาใช้ซ้ำได้แต่ไม่นิยม เนื่องจากประสิทธิภาพในการกรองก็ไม่เท่าเดิม และราคาไส้กรองก็ไม่ได้สูงมากอยู่ที่ราคาหลักร้อยเท่านั้น
หลักการของ Back Wash คือการล้างถังย้อนกลับ โดนนำน้ำสะอาดที่ผ่านการกรองแล้วไหลย้อนกลับมาทำความสะอาดตัวถัง แล้วส่งต่อไปยังท่อน้ำทิ้ง เพื่อให้ถังกรองสะอาดยืดอายุการใช้งาน
เครื่องกรองน้ำใช้ ยี่ห้อไหนดี?
อย่างที่เกริ่นไปข้างต้นว่าถ้าจะให้ดีก็ควรนำปัญหาไปแจ้งกับทางร้าน เพื่อจัดเตรียมสารกรองให้เหมาะสมกับน้ำต้นทาง แต่ภาพรวมแล้วครัวเรือนส่วนใหญ่ใช้เครื่องกรองน้ำบิ๊กบลู ( Big Blue ) ก็เพียงพอ ไม่ว่าต้นทางจะเป็นน้ำประปาหรือน้ำบาดาลก็ตาม โดยบิ๊กบลูสามารถกรองได้ละเอียดถึงระดับ 5 ไมครอน โดยใช้ไส้กรอง 3 ชั้นคือ
- ไส้กรองพีพี ( Polypropylene ) มีหน้าที่กรองฝุ่น ตะกอน ทราย สิ่งแขวนลอย
- ไส้กรองคาร์บอน ( Carbon ) สำหรับกรองกลิ่น สี คลอรีน สารอินทรีย์ และ สารอนินทรีย์ สารพิษต่างๆ ยาฆ่าแมลง สารหนู แบคทีเรีย
- ไส้กรองเรซิ่น ( Resin ) เป็นไส้กรองชั้นสุดท้าย ทำหน้าที่กรองหินปูน ลดความกระด้างของน้ำ ลดคราบขาว คราบตะกรัน
ราคาโดยประมาณของเครื่องกรองน้ำบิ๊กบลูอยู่ที่ราวๆ 2,500 – 5,000 บาท ข้อดีของบิ๊กบลูคือเป็นเครื่องกรองน้ำที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย หาอะไหล่ได้ง่ายทั้งตัวกระบอกและไส้กรอง ไม่ต้องกังวลว่าใช้ไปนานๆ แล้วจะหาอะไหล่ไม่ได้
ถัดมาเป็นเครื่องกรองน้ำแบบไฟเบอร์กลาส ทางร้านขายจะเทสารกรองแต่ละตัวลงไปเป็นชั้นๆ ตามปัญหาน้ำที่คุณแจ้งไว้ ด้วยรูปแบบการเทสารกรองเป็นชั้นๆ แบบนี้จึงอาจไม่เหมาะกับคนทั่วไปในการเปลี่ยนสารเอง แต่ก็มีข้อดีตรงที่สามารถทำ Back Wash ล้างถังได้ง่าย เลยไม่ต้องเปลี่ยนสารกรองบ่อย ราคาถังรูปแบบนี้ขึ้นอยู่กับขนาดและสารกรองที่ใช้ ซึ่งมีราคาตั้งแต่ 4,000 – 15,000 บาท
ถังกรองน้ำไฟเบอร์กลาส พร้อมหัวควบคุม (ไม่รวมสาร)
ถ้าถามว่าเครื่องกรองน้ำใช้นำมากินดื่มได้ไหม อันที่จริงแล้วก็ขึ้นอยู่กับความเข้มงวดของเราเลย เพราะมันกรองสิ่งแปลกปลอมเบื้องต้นไปแล้ว จะนำมากินมาดื่มก็ทำได้ครับ แต่ถ้ามีงบและมีพื้นที่มากพอ ผมก็แนะนำให้ติดตั้งเครื่องกรองน้ำดื่มจะดีกว่า
เครื่องกรองน้ำดื่ม
เครื่องกรองน้ำดื่มต่างจากเครื่องกรองน้ำใช้ตรงที่กรองได้ละเอียดกว่า เพื่อให้เหมาะกับการกินการดื่ม ซึ่งเครื่องกรองน้ำดื่มจะมีรายละเอียดปลีกย่อยออกไปอีกพอสมควร โดยจุดต่างคือระดับความบริสุทธิ์ของน้ำ และความยุ่งยากในการติดตั้งและดูแล
เครื่องกรองน้ำแบบ RO และ UF ต่างกันยังไง?
หลักการของเครื่องกรองน้ำ ก็คือการให้น้ำไหลผ่านไส้กรองแต่ละชั้น โดยแต่ละชั้นก็จะช่วยกรองสิ่งแปลกปลอมต่างๆ ออกไป เช่น เศษดิน, ตะกอน, กลิ่น, คลอรีน, หินปูน ซึ่งในภาพรวมแล้วเครื่องกรองน้ำดื่มแบ่งออกเป็น 2 ชนิดใหญ่ๆ คือ
- เครื่องกรองน้ำดื่ม UF ที่กรองสิ่งแปลกปลอมออกไป เพียงพอต่อการกินการใช้ และยังเหลือแร่ธาตุ กรองได้ระดับ 0.01 ไมครอน
- เครื่องกรองน้ำดื่ม RO กรองน้ำให้บริสุทธิ์มากขึ้น ไม่เหลือสิ่งแปลกปลอมและเชื้อโรค รวมถึงแร่ธาตุ กรองได้ระดับ 0.0001 ไมครอน
แต่ถ้าแบ่งแยกย่อยลงไป ก็ยังมีเครื่องกรองน้ำชนิดอื่นๆ ที่อยู่บนพื้นฐานของ UF และ RO เช่น
- เครื่องกรองน้ำดื่ม Nano ซึ่งเป็นแบบ UF ที่ละเอียดยิ่งขึ้นในระดับ 0.001 ไมครอน ใกล้เคียงกับ RO แต่ยังเหลือแร่ธาตุ
- เครื่องกรองน้ำดื่ม UV ที่ช่วยฆ่าเชื้อโรคต่างๆ มักใช้ควบคู่กับระบบ UF
- เครื่องกรองน้ำดื่ม RO ที่มีฟังก์ชั่นเติมแร่ธาตุ ให้ได้สารอาหารใกล้เคียงกับแบบ UF
เครื่องกรองน้ำแบบ UF และ RO แบบไหนเหมาะกับเรา?
เครื่องกรองน้ำแบบ UF เหมาะสำหรับการใช้งานของคนส่วนใหญ่ สามารถกรองได้ละเอียดถึงระดับ 0.01 ไมครอน ดูแลติดตั้งและดูแลง่าย ไม่ต้องเสียบปลั๊ก ไม่ต้องใช้ไฟเลี้ยง และไม่มีน้ำทิ้ง การติดตั้งเพียงแค่ต่อท่อน้ำดีเข้ากับเครื่องกรองน้ำ UF และออกไปยังก๊อกน้ำก็พร้อมใช้แล้ว
ส่วนเครื่องกรองน้ำแบบ RO ด้วยความที่กรองได้ละเอียดถึงระดับ 0.0001 ไมครอน ทำให้น้ำไม่สามารถไหลผ่านไส้กรองได้เอง ต้องใช้ปั้มน้ำเข้ามาช่วยดันเลยต้องเสียบปลั้กเพื่อใช้งาน นอกจากนี้ต้องมีท่อสำหรับทิ้งน้ำที่ไม่ผ่านมาตรฐานการกรองด้วย โดยรวมแล้วเครื่องกรองน้ำแบบ RO จะมีน้ำที่ไหลช้ากว่า UF เลยนิยมต่อเข้ากับถังเก็บน้ำอีกที
ถ้ายังนึกไม่ออกว่าตัวไหนจะถูกใจ ลองนึกถึงเรื่องรสชาติก็ได้ครับ บางคนใช้วิธีเลือกแบบนี้ ถ้าชอบน้ำดื่มสิงห์ให้เลือก UF ถ้าชอบน้ำดื่มสปริงเคิลให้เลือก RO
เครื่องกรองน้ำดื่ม ยี่ห้อไหนดี?
เนื่องจากเครื่องกรองน้ำดื่มมีตัวเลือกหลายยี่ห้อและหลายรุ่นมากๆ ดังนั้นผมจะหยิบเฉพาะตัวที่เด่นๆ และน่าสนใจมาบอกเล่าเป็นข้อมูลเบื้องต้นนะครับ
Coway เครื่องกรองน้ำดื่มแบบรายเดือน
ตัวแรกเป็นแบรนด์ Coway น้องใหม่ที่มาทำตลาดในไทย มีจุดเด่นเรื่องบริการหลังการขาย โดยเป็นเครื่องกรองน้ำระบบ RO แบบจ่ายรายเดือน ผ่านมาตรฐานด้านองค์กรที่เกี่ยวกับน้ำทั้ง NSF และ WQA เริ่มต้นเดือนละ 490 บาท ซึ่งบางคนก็มองว่าแพง แต่บางคนก็มองว่าสะดวกดี เวลาอะไรเสียหรือถึงรอบต้องเปลี่ยนไส้กรองก็มีคนดูแลให้ เหมาะกับคนที่ต้องการจ่ายแล้วจบ มีหน้าที่จ่ายและใช้ ส่วนการดูแลตัวเครื่องเป็นหน้าที่ของทางทีมช่าง
Coway เครื่องกรองน้ำ รุ่น ซินนาม่อน WATER PURIFIER CINNAMON สะดวกสบาย
Coway เครื่องกรองน้ำ รุ่น นีโอ พลัส WATER PURIFIER NEO-PLUS
Coway เครื่องกรองน้ำ รุ่น ไพร์ม WATER PURIFIER PRIME ซื้อคู่ Buddy
ถ้าไม่อยากจ่ายเงินก้อนใหญ่ ไม่ต้องวุ่นวายกับการเปลี่ยนไส้กรองและการดูแลตัวเครื่อง การเลือก Coway ก็อาจเหมาะกับคุณ
Amway eSpring เครื่องกรองน้ำดื่มระดับตำนาน
ถัดมาคือเครื่องกรองน้ำแอมเวย์ที่หลายคนต้องเคยผ่านหูผ่านตากันมาบ้าง เพราะเป็นแบรนด์ที่อยู่คู่คนไทยมานาน มีตัวแทนขายเยอะ แต่เดี๋ยวนี้เพิ่มความสะดวกสามารถกดสั่งซื้อออนไลน์ได้เลย เหมาะกับคนที่อยากได้สินค้าแต่ไม่อยากปวดหัวกับตัวแทนขาย
เครื่องกรองน้ำ อีสปริง ระดับตำนาน
เครื่องกรองน้ำ eSpring ( อีสปริง ) ของแอมเวย์จัดอยู่ในกลุ่ม UV ที่เคลมว่ามียอดขายอันดับ 1 ของไทยและของโลก ชูจุดเด่นเรื่องการกรองน้ำได้สะอาดในขณะที่ยังคงเก็บแร่ธาตุสารอาหารไว้ได้ ผ่านมาตรฐานด้านองค์กรที่เกี่ยวกับน้ำทั้ง NSF และ WQA
ถ้าคุณชอบสินค้าแอมเวย์ แต่ไม่อยากให้ตัวแทนขายมาวุ่นวายชีวิต ไม่อยากโดนเชียร์นั่นนี่เพิ่ม ก็สามารถซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ตามลิ้งที่เราให้ไว้ได้เลย
Stiebel Eltron MAXSTREAM เครื่องกรองน้ำสำหรับร้านค้า
MAXSTREAM ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ในเชิงพาณิชย์ โดยมีขนาดกระทัดรัดสามารถติดตั้งใต้ชุดครัวได้ เป็นเครื่องกรองน้ำแบบ Nano ซึ่งกรองได้ละเอียดเกือบเท่า RO แต่ไม่มีน้ำทิ้งและไม่ต้องใช้ไฟฟ้า ผ่านมาตรฐาน NSF เหมาะสำหรับเปิดร้านอาหารและร้านเครื่องดื่ม เช่น ร้านกาแฟ
Stiebel Eltron เครื่องกรองน้ำดื่ม รุ่น MAXSTREAM
แม้จะออกแบบมาเจาะกลุ่มร้านค้า แต่ที่จริงแล้วก็เหมาะกับการใช้ในครอบครัวขนาดใหญ่ ที่มีการใช้น้ำดื่มปริมาณมาก
Philips เครื่องกรองน้ำติดหัวก๊อก สำหรับพื้นที่จำกัด
ถ้าอยู่คอนโดที่มีพื้นที่จำกัด หรืออยู่หอพักซึ่งเราแก้ไขระบบประปาเองไม่ได้ อีกตัวเลือกที่น่าสนใจคือเครื่องกรองน้ำติดหัวก๊อก โดย Philips รุ่น AWP3704 และ AWP3703 ใช้ไส้กรองแบบ GAC ( Granular Activated Carbon ) เป็นไส้กรองคาร์บอนแบบเกร็ด กรองได้เฉพาะตะกอนและคลอรีน
แต่ถ้าต้องการประสิทธิภาพในการกรองสูงขึ้นก็ต้องขยับไปเป็น AWP3752 ที่ใช้ไส้กรองแบบ ACF + UF โดย ACF ( Activate Carbon Fiber ) เป็นคาร์บอนที่ประสิทธิภาพสูงขึ้น เมื่อทำงานร่วมกับระบบ UF แล้วทำให้กรองได้ทั้งตะกอน คลอรีน แบคทีเรีย และไมโครพลาสติก
Philips water AWP3704/AWP3703 เครื่องกรองน้ำติดหัวก๊อก
Philips water AWP3752 เครื่องกรองน้ำติดหัวก๊อกพรีเมี่ยม 4 ชั้น
AQUATEK Nano เครื่องกรองน้ำ 5 ขั้นตอน ราคามิตรภาพ
สุดท้ายเป็นเครื่องกรองราคาประหยัด แต่ได้คุณภาพระดับ Nano ที่เป็นรอง RO ไม่มากนัก แต่ไม่ต้องเสียบปลั๊กและไม่ต้องมีท่อน้ำทิ้ง ใช้งานได้สะดวก และเป็นดีไซน์ที่หาไส้กรองเปลี่ยนได้ง่าย ประหยัดค่าดูแล ตัวไส้กรองก็ผ่านมาตรฐาน NSF ไม่ต่างจากรุ่นชื่อดังทั้งหลาย
เครื่องกรองน้ำ AQUATEK Nano 5 ขั้นตอน
เครื่องกรองในลักษณะนี้เป็นที่นิยมอยู่ไม่น้อย เพราะลงตัวทั้งเรื่องราคา ความสะอาด และการดูแลรักษาตัวเครื่อง
เกร็ดความรู้และเรื่องที่คนมักเข้าใจผิด
มีหลายเรื่องราวเกี่ยวกับเครื่องกรองน้ำที่คนอยากรู้ และหลายคนก็เข้าใจผิด เช่น
- การวัดค่า TDS ไม่ใช่การบ่งบอกว่าน้ำสกปรก แต่เป็นการบอกว่ามีแร่ธาตุในน้ำมากน้อยแค่ไหน ดังนั้นถ้าวัดค่าน้ำจากเครื่องกรอง UF ก็จะได้ค่า TDS สูงกว่าน้ำจากเครื่องกรอง RO ซึ่งการนำเสนอเรื่องนี้ต้องระมัดระวังครับ เพราะเคยมีการฟ้องร้องจากบริษัทน้ำดื่ม เพราะมีผู้ใช้ TDS ออกมาโพสต์ว่าน้ำดื่มยี่ห้อนี้ไม่สะอาด ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ผิด สุดท้ายเลยโดนฟ้องตามระเบียบ
- วิธีดูเครื่องกรองที่ได้มาตรฐาน การวัดค่า TDS ไม่ใช่การพิสูจน์ความสะอาดของน้ำ วิธีที่ดูคือให้เลือกเครื่องกรองน้ำที่ผ่านมาตรฐานหน่วยงานที่ดูแลด้านน้ำ ถ้าเป็นฝั่งสหรัฐอเมริกาก็มีหน่วยงานชื่อ NSF ถ้าเป็นญี่ปุ่นก็คือ JIS รวมถึง WQA ที่มีหน้าที่ดูแลเรื่องน้ำโดยตรง หรืออาจเป็นหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องการการบริโภคเช่น FDA ซึ่งเทียบเท่า อย. ของบ้านเรานั่นเอง
- ค่า GPD คือสิ่งที่ต้องดูเมื่อซื้อเครื่องกรองน้ำ RO โดยค่านี้ย่อมาจาก Gallon Per Day ซึ่งหมายถึงความสามารถในการผลิตน้ำต่อวัน ถ้ามีค่าเยอะก็จะผลิตน้ำได้เยอะ น้ำไหลไว ถ้าค่าน้อยก็จะผลิตช้า น้ำไหลเบา
- รสชาติของน้ำอยู่ที่ไส้กรอง ถ้าเป็นคนที่ประสาทสัมผัสไวจะบอกว่าเครื่องกรองแบบ UF มีบอดี้ของน้ำที่หนักกว่า RO ส่วนไส้กรองคาร์บอนมีผลต่อรสชาติมากที่สุด
ความเห็นเพิ่มเติม
ถ้าอ่านทั้งหมดแล้วยังตัดสินใจไม่ถูกว่าจะเลือกตัวไหน ผมจะให้คำแนะนำเพิ่มเติมครับ
- เครื่องกรองน้ำที่ผมเลือกใช้ที่ Home Office เป็นเครื่องกรองน้ำใช้ Big Blue คู่กับเครื่องกรองน้ำดื่ม AQUATEK Nano เพราะดูแลรักษาง่าย ไส้กรองราคาถูก หาอะไหล่ง่าย ช่างส่วนใหญ่ก็ติดตั้งและแก้ไขเป็น
- น้องทีมงานคนหนึ่งเลือกใช้ Coway ที่ออฟฟิศตัวเอง เพราะจ่ายเฉลี่ยเดือนละ 500 บาท แลกกับการไม่ต้องวุ่นวายในการดูแลบำรุงรักษาตัวเครื่องและไส้กรอง ไม่ต้องจ่ายค่าเครื่องเป็นเงินก้อนใหญ่ ถือว่าคุ้มค่า
- แม้ว่าหลายคนจะเจอประสบการณ์ที่น่าอึดอัดใจจากตัวแทน Amway แต่คนรุ่นพ่อรุ่นแม่เราหลายคนก็ไว้วางใจเครื่องกรองน้ำแบรนด์นี้ เนื่องจากอยู่มานาน
ท้ายที่สุด เลือกแบบที่เราชอบ ที่เหมาะกับเราครับ