นับเป็นรีวิวเก็บตกอีกชิ้น เนื่องจากผองเพื่อนบล็อกเกอร์ได้ยกพลไปถล่มร้านรสดีเด็ดกันพักใหญ่ แต่ผมก็พึ่งจะว่างมานั่งเรียบเรียงซึ่งถ้าเป็นรีวิวที่ไม่เด็ดพอก็คงแกล้งลืมไปแล้ว แต่สำหรับร้านนี้แกล้งลืมคงไม่ได้ เพราะดีจนอยากบอกต่อจริงๆ ครับ
ตอนแรกผมก็ไม่เข้าใจนักว่ารสดีเด็ดเนี่ยมีกี่สาขา เป็นเฟรนไชน์หรืออะไรยังไง เพราะผมก็เคยไปกินก๋วยเตี๋ยวรสดีเด็ดที่สยามก็รู้สึกเฉยๆ ไม่ได้ตื่นเต้นอะไร จนได้นั่งคุยกับเฮียนพเจ้าของร้านถึงได้ข้อมูลว่า รสดีเด็ดเป็นร้านตั้งแต่รุ่นคุณพ่อแล้วครับ เฮียนพจัดว่าเป็น generation ที่ 2 และก็เหมือนว่าพี่น้องแต่ละคนก็แยกย้ายไปเปิดร้านชื่อเดียวกัน …แต่จากที่เพื่อนๆ สายกินของผมได้สำรวจมา ก็ลงความเห็นว่า รสดีเด็ด by นพ นี่แหละที่สุดแล้ว
หลายคนคงรู้ว่ารสดีเด็ดขึ้นชื่อเรื่องก๋วยเตี๋ยวเนื้อ แต่ไม่กี่เดือนก่อนเฮียนพได้จับมือกับพ่อครัวประสบการณ์สูงอย่าง เชฟ อมร ที่ฝึกวิชาอยู่ที่ญี่ปุ่นนานกว่า 25 ปี และเปิดไลน์อาหารปิ้งย่าง …ที่สำคัญคือมีแบบบุฟเฟ่ด้วยสิ
ราคาบุฟเฟ่เมื่อเทียบกับเมนูอาหารที่มีก็ถือว่าไม่แพงเลย กับเรทราคาดังนี้
- หมูและซีฟู๊ด 370 บาทต่อคน
- เนื้อ หมูและซีฟู๊ด 450 บาทต่อคน
- เด็กสูงไม่เกิน 120 ซม. 250 บาทต่อคน
มีเวลาให้ถลุงกันทั้งหมด 1.30 ชั่วโมง พร้อมกับโปรโมชั่น “มา 4 จ่าย 3” ( โปรนี้เป็นของปี 2015 ลองสอบถามโปรล่าสุดจากทางร้านอีกทีครับ ) และที่ทำให้ร้านนี้น่าสนใจนอกจากอาหารก็คือทำเลของร้าน แม้ว่าจะไม่ได้อยู่ในตัวห้างแต่ก็เดินจาก MRT สามย่านไม่ไกลเท่าไร ( ไม่ไกลสำหรับคนกรุงเทพนั่นล่ะ ) และที่ชอบก็คือทางร้านเลือกใช้ระบบดูดควันที่ค่อนข้างดี ไม่มีกลิ่นควันติดเสื้อผ้าเหมือนร้านอื่น ทำให้ห้องแอร์ก็สดชื่นไม่ได้อบอวลไปด้วยกลิ่นควัน
อาหารที่มีในเมนูบุฟเฟ่ก็ไม่ได้เยอะอลังการเหมือนบางร้าน แต่ทุกเมนูการันตรีความอร่อยครับ …อร่อยแบบเสียผู้เสียคน แบบว่าพาใครไปก็ติดใจ กลายเป็นว่าเลิกไปร้านอื่นเลย
จุดเด่นอีกอย่างก็คือ เฮียนพ และ เชฟ อมร ใส่ใจรายละเอียดมากครับ ตั้งแต่เรื่องการบริการที่มีการแนะนำและอธิบายเกี่ยวกับอาหาร หรือแม้แต่ประวัติและข้อมูลของเนื้อแต่ละแบบว่ามีที่มายังไง บางทีนั่งกินอยู่ก็เห็น เชฟ อมร เดินมาด้อมๆ มองๆ ว่าเราขาดเหลืออะไร บางทีก็แนะนำว่าควรย่างหรือกินแบบไหนที่จะได้รับอรรถรสที่ดีที่สุด …เรียกได้ว่าใส่ใจลูกค้ามากๆ ครับ
แค่เห็นเนื้อที่ยกมาเสิร์ฟก็ทำเอาเหล่าเพื่อนบล็อกเกอร์อดใจไม่ไหว ต้องคว้ามือถือหยิบกล้องออกมาถ่ายไว้ เพราะมันดูดีเกินราคาจริงๆ ครับ
พอถ่ายรูปเสร็จ ก็ตั้งสติหายใจลึกๆ ก่อนที่จะขาดใจตายก่อนจะได้กิน เพราะแค่เห็นเนื้อติดมันก็จินตนาการสำลักความอร่อยไปไกลแล้ว
ยังครับ… ซูมกันอีก ซูมมันเข้าไป เอาให้ขาดใจตายกับลายเส้นไขมันที่แทรกระหว่างเนื้อนุ่มๆ
พอได้วางลงบนเตาแล้วคีบเข้าปากจริงๆ มันฟินจนบรรยายไม่ถูก เนื้อนุ่ม ฉ่ำ ไม่เลี่ยน ไม่กระด้าง ทุกอย่างมันละมุนสมบูรณ์แบบไปซะหมด และที่แปลกใจจนเป็นประเด็นคุยกับเพื่อนก็คือ ปรกติการย่างเนื้อไม่ควรปล่อยจนสุกหรือไหม้ เพราะมันจะแห้งกระด้าง แต่ของที่นี่มันยังคงมีความฉ่ำอยู่ครับ …เอาเป็นว่าผมไม่เคยกินเนื้อย่างร้านไหนอร่อยเท่าร้านนี้มาก่อนในชีวิต แม้แต่เพื่อนบางคนที่เลิกกินเนื้อมา 7 ปียังตบะแตกเลย
ปรกติแล้วเวลาผมไปร้านเนื้อย่าง ผมแทบจะไม่สั่งเครื่องเคียงเลยเพราะมันไม่มีความน่าสนใจ แต่รสดีเด็ดต่างออกไปครับ โดยเฉพาะไข่ตุ๋นที่ไม่เหมือนที่อื่นจริงๆ เนื้อของไข่ตุ๋นมันนุ่มแต่ไม่เละและก็ไม่แยกชั้น มีความคล้ายขนมพุดดิ้ง กินได้ลื่นๆ เลย ส่วนกิมจิก็ปรุงรสให้กลมกล่อม ไม่ได้เปรี้ยวโดดเหมือนที่อื่น หรือแม้แต่มันบดที่ปรุงมาได้อร่อยมากๆ …คือมันอร่อยทุกสิ่ง อยู่ที่จะถูกปากเราไหม
ซุปเนื้อก็จัดว่าเด็ดมาก มีความหอมของน้ำซุป ตัวเนื้อก็นุ่มพอดีและมีส่วนของเอ็นอ่อนๆ เพิ่มมิติในการกิน …และซุปนี้เป็นสูตรจากทางญี่ปุ่น ไม่เหมือนซุปที่ใช้ทำก๋วยเตี๋ยวของทางร้านนะครับ คนละแบบกัน
ตอนแรกที่เพื่อนบอกว่าซุปอร่อย ผมก็ไม่ได้ตื่นเต้นเท่าไร จนเพื่อนสั่งเพิ่มเรื่อยๆ ผมก็เลยลองมั่ง… และก็ได้สั่งเพิ่มไม่ต่างจากเพื่อนเลย
บางเมนูก็จะมีคำแนะนำเป็นพิเศษเช่นเนื้อในชามนี้ควรจิ้มกับน้ำมะนาว …ถ้าพนักงานไม่ได้เสิร์ฟก็รีเควสเลยครับ ถ้วยเปล่ากับมะนาว
ย่างไม่ต้องสุกมากแล้วก็จิ้มกับน้ำมะนาว จะได้ความนุ่มในแบบที่มาจากตัวเนื้อ ไม่ได้มาจากความมัน ตัดกับรสเปรี้ยวนิดๆ ของน้ำมะนาว
ที่อยากแนะนำอีกอย่างก็คือไลน์อาหารซีฟู๊ดเค้าก็ไม่ธรรมดาครับ โดยเฉพาะกุ้งที่ตัวใหญ่มาก… แต่ตอนนั้นมัวแต่กินจนลืมถ่ายรูปไว้ แฮะๆ
ส่วนเมนูนี้ไม่ได้อยู่ในบุฟเฟ่ และที่จริงมันอยู่ในส่วนของร้านก๋วยเตี๋ยวแต่มันอร่อยเลยอยากแนะนำครับ เมนูนี้มีชื่อเล่นว่า “อาบน้ำเนื้อ” เพราะเค้าไม่ได้เอาเนื้อลงไปลวกหรือเทน้ำร้อนใส่ลงไปในชามโดยตรง แต่เค้าใช้วิธีค่อยๆ บรรจงเทน้ำลงไปที่ขอบชาม เพราะไม่ต้องการให้น้ำร้อนสัมผัสกับเนื้อโดยตรง ทำให้เนื้อมีความนุ่มชุ่มฉ่ำมากๆ
ส่วนน้ำจิ้ม ผมก็ทำตามความเคยชินคือปรุงให้เต็มที่ สาดพริกกระเทียมลงไปเพราะคิดว่ารสชาติก็คงเหมือนที่อื่น แต่พอปรุงเสร็จแล้ว เชฟ อมร ก็เอาถ้วยใหม่มาให้แล้วบอกว่า “อยากให้ลองชิมน้ำจิ้มเดิมๆ ของทางร้านก่อน” ผมก็เลยลองชิมแล้วมันค่อนข้างกลมกล่อมครับ ไม่เค็มหรือหวานจนโดด และ เชฟ อมร แนะนำว่าให้จิ้มแบบเดิมๆ ไปสักพัก พอเริ่มเบื่อก็ค่อยปรุง
แล้วที่เด็ดกว่านั้นก็คือราคานี้รวมเครื่องดื่มแล้วด้วย และเป็นน้ำอัดลมจริงๆ ที่เทจากขวดจริงๆ ไม่ใช่ผสมเจือจางแบบบางร้าน
ผมมัวแต่ติดใจเนื้อจนไม่สนใจลองเมนูอื่น แต่เพื่อนบอกว่าพวกหมูหรือปลาก็อร่อยเหมือนกันครับ
ถ้าสังเกตก็จะเห็นว่าเนื้อที่นี่ไม่ได้ยกมาเสิร์ฟแบบพึ่งออกมาจากช่อง freeze เหมือนบางที่ และความหนาของแต่ละชิ้นอยู่ในระดับที่กำลังดี ไม่บางจนขาดและก็ไม่หนาจนทำให้สุกช้าเกินไป
และนี่ก็เป็น Super Steak ที่อยู่นอกเมนู กับราคาชิ้นละ 600 บาท เมื่อแลกกับลายเส้นไขมันแบบนี้แล้วผมพอใจมาก!!!
ที่เห็นเป็นชิ้นสวยงามแบบนั้นแต่เวลาเสิร์ฟจริงก็จะหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ให้ครับ ซึ่งวิธีย่างที่ดีก็คือ “การบล็อกแต่ละด้าน” หมายถึงการย่างแต่ละด้านให้สุกเพื่อเป็นการบล็อกไม่ให้ความชุ่มฉ่ำไหลออกจากตัวเนื้อ ซึ่งเฮียนพอธิบายง่ายๆ ว่าถ้าย่างแล้วมีน้ำหยดถือว่าทำผิดครับ
เมื่อเราบล็อกแต่ละด้านป้องกันการหลบหนีของความอร่อย ไม่ให้เล็ดลอดออกจากตัวเนื้อแล้ว ก็จะกลายเป็นว่าความร้อนจะทำให้เนื้อด้านในสุกและเมื่อเห็นว่ามันกำลังพองตัวก็จัดการคีบมาจิ้มกับน้ำมะนาวได้เลยครับ …คงไม่ต้องบอกนะว่าเนื้อที่มีลายเส้นไขมันขนาดนี้จะฟินแค่ไหน
ถ้าไม่เข้าใจก็ลองฟังจากเสียงเฮียนพเลยละกันครับ… แต่ผมอดใจถ่ายคลิปจนจบไม่ไหว เพราะเฮียนพเล่นคีบเนื้อมาวางไว้ให้บนจานซะนี่
ตบท้ายด้วยของหวานตามฤดูกาล ซึ่งวันนี้คือเฉาก๋วย และมันดีตรงที่ว่าอยู่ในเมนูบุฟเฟ่ด้วยนี่แหละ
คือโดยรวมต้องบอกว่า ร้านรสดีเด็ด by นพ คือร้านปิ้งย่างที่ผมประทับใจที่สุด ไม่ว่าจะด้วยคุณภาพอาหาร การใส่ใจของพ่อครัว หรือแม้แต่เรื่องเล็กน้อยที่ยิ่งใหญ่อย่างระบบกำจัดควัน …เพื่อนๆ ถึงกับขนานนามว่านี่คือการอัพเกรดลิ้นให้เป็น 4K ซึ่งเราจะไม่สามารถไปร้านอื่นๆ ได้อีก เพราะที่อื่นก็อร่อย แต่อร่อยในระดับ Full HD จะมาสู้ 4K ก็คงไม่ได้หรอกนะ!