1. Xiaomi 13T รุ่นใหม่ล่าสุด โดดเด่นด้วยกล้องที่ร่วมพัฒนากับ Leica ใช้เซ็ตอัพกล้องแบบ 3 ตัว ประกอบด้วย กล้องหลัก 50MP f/1.9, OIS เซนเซอร์เดียวกับรุ่นท็อปปีที่แล้ว + กล้องเทเล 50MP f/1.9 ซูม 2 เท่า + กล้องมุมกว้าง 12MP f/2.2 กล้องหน้า 20MP หน้าจอ AMOLED 6.67″ 144Hz แรงด้วยชิป MediaTek Dimensity 8200 Ultra แบต 5,000 mAh ชาร์จเร็ว 67W และยังกันน้ำกันฝุ่น IP68 อีกด้วย
Xiaomi 13T (12GB+256GB)
2. vivo V29 5G ตัวนี้เด่นทั้งกล้องหน้าและกล้องหลังเลย กล้องหลังเซ็ตอัพ 3 ตัว กล้องหลัก 50MP f/1.9 OIS + กล้องมุมกว้าง 8MP f/2.2 + กล้องวัดความลึก 2MP f/2.4 มีไฟแฟลชวงแหวน Aura Light ขนาดใหญ่ที่ให้แสงนุ่มกว่าแฟลชทั่วไป สามารถปรับอุณหภูมิสีได้ด้วย กล้องหน้า 50MP f/2.0 หน้าจอเป็น AMOLED 6.78″ 120Hz ขุมพลัง Snapdragon 778G แบตเตอรี่ 4,600 mAh ชาร์จเร็ว 80W กันน้ำกันฝุ่น IP68
vivo V29 5G (12GB+256GB)
3. realme 11 Pro+ 5G รุ่นที่ปรับราคาลงมา โดดเด่นที่กล้องหลัก 200MP f/1.7 OIS สามารถซูมแบบ in-sensor ได้ 3 เท่า + กล้องมุมกว้าง 8MP f2.2 + กล้องมาโคร 2MP f/2.4 กล้องหน้า 32MP f/2.5 ใช้ชิปเซ็ต MedaiTek Dimensity 7050 หน้าจอ AMOLED 6.7″ 120Hz แบตเตอรี่ 5,000 mAh ชาร์จเร็ว 100W
realme 11 Pro+ 5G (12GB+512GB)
4. Infinix Zero 30 5G รุ่นที่ราคาเบาที่สุดแต่สเปคน่าสนใจ กล้องหลังเซ็ตอัพ 3 ตัว กล้องหลัก 108MP f/1.7 OIS + กล้องมุมกว้าง 13MP f/2.2 + กล้องวัดความลึก 2MP f/2.4 กล้องหน้า 50MP f/2.5 รองรับการถ่ายวิดีโอ 4K ทั้งกล้องหน้าและหลัง หน้าจอ AMOLED 6.8″ 144Hz ชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 8020 แบตเตอรี่ 5,000 mAh ชาร์จเร็ว 68W กันน้ำกันฝุ่น IP53
Infinix ZERO 30 5G (12GB+256GB)
5. HONOR 90 5G โดดเด่นด้วยกล้องหลัง 200MP f/1.9 + กล้องมุมกว้าง 12MP f/2.2 + กล้องวัดความลึก 2MP f/2.4 กล้องหน้า 50MP f/2.4 หน้าจอ AMOLED 6.7″ 120Hz ใช้ชิป Snapdragon 7 Gen 1 แบตเตอรี่ 5,000 mAh ชาร์จเร็ว 66W