รีวิว Samsung SmartTag 2 พร้อมตอบคำถามที่คนสงสัยกันเยอะ

Samsung Galaxy SmartTag 2 อุปกรณ์ชิ้นเล็กๆ ที่มีประโยชน์มากๆ เอาไว้ติดกับอุปกรณ์ต่างๆ แล้วสามารถระบุตำแหน่งได้ มาดูว่าเจ้าตัวนี้มีความสามารถอะไรบ้าง และใช้งานได้จริงระดับไหน

ดีไซน์ใหม่ ไซซ์เล็กลง

จุดต่างแรกของ Samsung Galaxy SmartTag รุ่นแรกและรุ่น 2 คือเรื่องการดีไซน์ ดีไซน์ของรุ่น 2 จะดูโมเดิร์นกว่าและบางกว่ารุ่นแรกประมาณ 1 มม. มีให้เลือก 2 สีคือสีดำและสีขาว

อีกจุดที่ปรับคือรูสำหรับคล้องพวงกุญแจที่เพิ่มขนาดมาใหญ่ขึ้น ทำให้รองรับพวงกุญแจที่หลากหลายรูปแบบขึ้นครับ

ช่องด้านล่างคือช่องลำโพง เนื่องจากเจ้า Samsung Galaxy SmartTag 2 สามารถส่งเสียงได้ด้วยครับ

การใช้งานกับมือถือ

เริ่มต้นใช้งาน Samsung Galaxy SmartTag 2 ใช้งานได้กับมือถือ Samsung เท่านั้น ไม่สามารถเชื่อมกับยี่ห้ออื่นได้ครับ การเชื่อมต่อจะเชื่อมกับแอป SmartThings ถ้าใช้ครั้งแรกจะมีป๊อปอัพเด้งขึ้นมาให้เชื่อมต่อเลย ไม่ต้องทำอะไรให้สลับซ้อน แต่หากต้องการเปลี่ยนบัญชีที่จะเชื่อมต่อ สามารถทำได้ 2 วิธี

  1. ลบอุปกรณ์ออกจากเครื่องเก่าก่อน โดยการเข้ามาในหน้าของ SmartTag กดเมนู 3 จุดมุมขวาบนแล้วเลือก ลบอุปกรณ์ พอลบออกแล้ว SmartTag จะรีเซ็ตตัวเองโดยอัตโนมัติ
  2. รีเซ็ตด้วยตัวเอง โดยการนำแบตเตอรี่ออก จากนั้นกดปุ่มตรงกลางของ SmartTag ค้างไว้ระหว่างใส่แบตเตอรี่เข้าไปใหม่ และให้กดค้างไว้เรื่อยๆ จนกว่าจะได้ยินเสียง

เชื่อมต่อเรียบร้อยแล้ว มาดูกันว่าเราทำอะไรได้บ้างครับ เมนูแรกคือ ดูแผนที่ เมื่อเข้ามาจะเป็นการแสดงตำแหน่งล่าสุดของ SmartTag ในแผนที่

เราสามารถดูประวัติตำแหน่ง ของ SmartTag ได้ด้วย โดยเจ้า SmartTag จะมีการอัปเดตตำแหน่งขึ้นเซิร์ฟเวอร์ให้เราเป็นระยะ หากเราเดินทางอยู่ ตัว SmartTag จะอัปเดตตำแหน่งเฉพาะเวลารถจอด หรือรถติดไฟแดงเท่านั้น สามารถดูย้อนหลังได้ 7 วัน

จุดเด่นที่ทำให้ Samsung Galaxy SmartTag 2 โดดเด่นกว่าแท็กติดตามสิ่งของทั่วๆ ไปคือจะมีโหมดระบุตำแหน่งโดยมือถือ Samsung อื่นๆ ที่อยู่ใกล้เคียงด้วย ฟังก์ชันนี้ทำงานโดยใช้ระบบสแกนหาอุปกรณ์ Bluetooth ใกล้เคียงของมือถือ ถ้าบริเวณใกล้ๆ แท็กมีมือถือ Samsung ที่เปิด Bluetooth อยู่ พอมือถือเครื่องนั้นสแกนเจอแท็กเรา จะทำการส่งข้อมูลตำแหน่งมาให้เราแบบไม่ระบุข้อมูลส่วนตัวครับ ตรงนี้หลายคนน่าจะมีคำถามเหมือนผม คือ คนใช้มือถือ Samsung ในไทยมีเยอะแค่ไหน? จะใช้ฟีเจอร์นี้ได้อย่างราบรื่นไหม ผมเลยทำการทดลองครับ

ทดสอบใช้ Samsung Galaxy SmartTag 2 แบบไม่พกมือถือ Samsung ติดตัว

ทดลองอันแรก ง่ายๆ ผมขับรถจากแถว ม.เกษตรไปสนามบินดอนเมืองแบบไม่เอามือถือ Samsung ติดตัวเลย หวังพึ่งอุปกรณ์รอบตัวล้วนๆ ตัวแท็กทำงานได้ดี ตามตำแหน่งได้แม่นยำครับ ใช้ในกรุงเทพฯ ไม่มีปัญหาแน่นอน

ผมเลยเพิ่มความยากขึ้นอีกระดับ พอดีมีญาติที่จะนั่งรถไฟไปจังหวัดพิษณุโลกพอดี และญาติไม่ได้ใช้มือถือ Samsung ด้วยครับ เจ้า SmartTag สามารถติดตามได้ตลอดเส้นทางรถไฟครับ

ส่วนการเดินทางไปมาในตัวจังหวัดพิษณุโลกก็ติดตามได้ไม่มีปัญหาเช่นเดียวกัน

มีอีกการทดลองที่ผมทำคือฝากคนที่จะขับรถไปขอนแก่นให้เอาแท็กไปด้วย ตัวคนขับไม่มีมือถือ Samsung แต่คนไปด้วยดันมี ก็เลยตามได้อย่างไม่มีปัญหา คนใช้มือถือ Samsung ไม่ได้หายากเลยครับ

สำหรับการค้นหาตัว SmartTag หากแท็กอยู่ใกล้เราระดับที่เชื่อมต่อกับมือถือได้ เราสามารถสั่งให้ SmartTag ส่งเสียงได้ครับ จะเป็นเสียงแบบริงโทนมือถือยุคจอขาวดำครับ

ถ้ามือถือคุณมี Ultra Wide Band เช่น Galaxy S23 Ultra, Galaxy S23+ สามารถใช้งาน ค้นหาบริเวณใกล้เคียง ที่จะบอกทิศทางและระยะห่างของ SmartTag กับมือถือได้ด้วย จะใช้แบบเปิดกล้องให้บอกตำแหน่งก็ได้นะ แต่ถ้าอยู่ไกลแบบไกลมากๆ เราสามารถสั่งนำทางไปยังตำแหน่งล่าสุดของ SmartTag ได้ผ่าน Google Maps

แจ้งเตือนเมื่อทิ้งไว้ ฟีเจอร์นี้เป็นฟีเจอร์ป้องกันการลืมของ ถ้าเราเปิดฟีเจอร์นี้แล้วเราวางเจ้า Samsung Galaxy SmartTag 2 ไว้จนพ้นระยะเชื่อมต่อ จะมีการแจ้งเตือนมาบอกในมือถือเราเพื่อเราจะได้กลับไปเอาได้ครับ และของบางอย่างที่เราอาจจะไม่ได้เอาติดตัวออกจากบ้านทุกรอบ เช่น กุญแจรถ (ถ้าวันไหนไม่ขับรถก็วางทิ้งไว้ที่บ้านอยู่แล้ว) เราสามารถเพิ่มสถานที่ปลอดภัยได้ เวลาเราวางของไว้ในที่ปลอดภัยก็จะไม่มีการแจ้งเตือนครับ

โหมดสูญหาย เอาไว้เปิดเวลาเราทำ SmartTag หาย โหมดนี้จะทำให้ไม่สามารถรีเซ็ต SmartTag ได้ จะมีการแจ้งเตือนเมื่อหาพบ และเราสามารถใส่ข้อมูลติดต่อลงใน SmartTag ได้ โดยคนที่หาเจอสามารถเอามือถือ Samsung ที่มี NFC มาแตะเพื่อดูรายละเอียดได้ครับ

เวลาสแกนแท็กจะขึ้นแบบนี้

เราสามารถแชร์ตำแหน่งของอุปกรณ์นี้ให้ผู้ใช้ Samsung คนอื่นได้ด้วยครับ

Samsung Galaxy SmartTag 2 จะมีปุ่ม 1 ปุ่มอยู่ที่ด้านหน้าครับ ปุ่มนี้สามารถตั้งค่าได้ด้วย

  1. กดปุ่ม 2 ครั้ง ตั้งให้โทรศัพท์ที่เลือกส่งเสียง
  2. กดปุ่ม 1 ครั้ง หรือ กดปุ่มค้าง รันคำสั่งอัตโนมัติต่างๆ เช่น สั่งงานอุปกรณ์ IoT ต่างๆ ที่เชื่อมต่ออยู่กับแอป SmartThings

แบตเตอรี่

Samsung Galaxy SmartTag 2 สามารถใช้งานได้ประมาณ 500 วัน แต่ถ้าเปิดโหมดประหยัดพลังงานจะอยู่ได้ถึง 700 วันเลย เวลาเราเปิดโหมดประหยัดพลังงาน ฟีเจอร์เหล่านี้จะใช้งานไม่ได้

  1. ตั้งระดับเสียงและเปลี่ยนเสียงเรียกเข้าไม่ได้
  2. ปุ่มที่ตัวแท็กจะใช้งานไม่ได้
  3. สั่งให้ส่งเสียงไม่ได้
  4. บางฟีเจอร์ของค้นหาใกล้เคียงใช้ไม่ได้
  5. ค้นหาด้วยกล้อง ทิศทาง ระยะห่าง ใช้ไม่ได้

ถ้าแบตหมด เราสามารถเปลี่ยนแบตได้ด้วยตัวเองได้ โดยจะใช้แบตเตอรี่ CR2032 ซื้อได้ตามห้างสรรพสินค้าทั่วไป หรือร้านที่รับเปลี่ยนถ่านนาฬิกา วิธีเปลี่ยนใช้เข็มจิ้มซิม (มีแถมมาด้วย) จิ้มที่ช่องที่อยู่ด้านในช่องที่ไว้คล้องพวงกุญแจ ถาดแบตเตอรี่จะเด้งออกมาเองครับ ถาดค่อนข้างแน่น ต้องใช้แรงนิดนึง

คำถามที่ถูกถามบ่อยๆ

ใช้กับมือถืออะไรได้บ้าง?

ใช้ได้กับมือถือ Samsung เท่านั้น ได้ทุกรุ่นของ Samsung เลย ถ้านำไปใช้กับยี่ห้ออื่น ต่อให้ดาวน์โหลดแอป SmartThings มาลงก็จะขึ้นว่าไม่รองรับ

มือถือไม่มี Ultra-Wide Band (UWB) สามารถใช้งานได้ไหม

ใช้งานได้ เพียงแต่ฟีเจอร์ค้นหาแบบบอกทิศทาง ระยะห่าง เปิดกล้อง จะใช้งานไม่ได้ สามารถดูตำแหน่งในแผนที่ สั่งให้เล่นเสียงได้ปกติ

แบตเตอรี่ใช้แบตอะไร เปลี่ยนเองได้ไหม

ใช้แบตเตอรี่ CR2032 สามารถหาซื้อได้ทั่วไปตามห้างสรรพสินค้าหรือร้านรับเปลี่ยนถ่านนาฬิกา สามารถเปลี่ยนได้ด้วยตัวเองง่ายๆ

สรุป Samsung Galaxy SmartTag 2 ดีไหม เหมาะกับใคร

จากที่ได้ลองใช้งานมาเป็นเวลา 2 สัปดาห์ได้ ต้องบอกว่าถูกใจมากครับ การใช้งานลื่นไหลไม่มีสะดุด และคนใช้งาน Samsung มีเยอะมากจริงๆ ให้คนที่ไม่ใช้มือถือ Samsung นำติดตัวก็ยังติดตามได้ตลอด อาจจะมี UI บางอย่างของแอปที่แอบขัดใจบ้าง เช่น การจะเข้ามาดูแผนที่ต้องกดหลายขั้นตอน การดูประวัติตำแหน่งจ้องคอยซูมเข้าซูมออกตำแหน่งเอาเอง ไม่เลื่อนหน้าจอตามไทม์ไลน์ให้ อะไรแบบนี้ แต่พอเป็นเรื่องซอฟต์แวร์แล้วสามารถอัปเดตแก้ไขกันในอนาคตได้ ซึ่งตั้งแต่ใช้งานมาก็เห็นมีการอัปเดตปรับนู่นปรับนี่เล็กๆ น้อยๆ มาบ้างแล้วเหมือนกันครับ เลยไม่กังวลเท่าไหร่ เหมาะสำหรับคนที่ชอบลืมของมากๆ ส่วนตัวเอามาห้อยกับหูฟังและกุญแจบ้าน สองสิ่งที่ผมมักจะชอบลืมเอาออกจากบ้านด้วย และคิดว่าจะซื้อมาเพิ่มเพื่อเอาไว้ในรถยนต์ด้วยครับ นอกจากจะเป็นการเพิ่มความปลอดภัยให้รถ เผื่อโดนขโมยหรืออะไรจะได้รู้ตำแหน่งแล้ว ยังทำให้เวลาจอดรถในลานกว้างๆ หารถง่ายขึ้นด้วย