ราเมงเข้าซอย ชื่อนี้นอกจากจะขึ้นชื่อเรื่องความอร่อยสุดคุ้มของราเมงแล้ว ก็มีเมนูแบบบุฟเฟ่ต์ให้เลือกในราคา 599 บาท ที่สามารถสั่งซูชิ ซาซิมิ ข้าวแกงกะหรี่ และอื่นๆ อีกไม่อั้น พร้อมกับเครื่องดื่มที่รวมเบ็ดเสร็จแล้วในราคานี้ และถ้าไป 4 คนลดเหลือคนละ 529 บาทด้วย
สิ่งแรกที่ชวนสับสนเล็กน้อยก็คือคำว่า “ราเมง” เนื่องจากคำนี้คนไทยนิยมสะกดกัน 3 แบบ ทำให้ป้ายหน้าร้านใช้คำว่า “ราเม็งเข้าซอย” ส่วนโลโก้บนหน้าเพจรวมถึงเล่มเมนูใช้คำว่า “ราเมงเข้าซอย” แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นอะไรกับการกินของเรา
เงื่อนไขบุฟเฟ่ต์ร้านราเมงเข้าซอย
เงื่อนไขและกติกาบุฟเฟ่ต์ของร้านที่สำคัญคือ
- มีเวลา 1:30 ชั่วโมง
- ซุกซ่อนอาหารที่เหลือ ปรับคนละ 300 บาท
- กรณีที่เหลือซูชิปรับคำละ 30 บาท ถ้าเป็นอาหารประเภทอื่นปรับ 50-100 บาท
แม้ว่าที่ร้านจะบอกแค่ว่าบุฟเฟ่ต์หัวละ 599 บาท แต่ในความเป็นจริงแล้วถ้าไปกัน 4 คนก็จะได้ส่วนลดเหลือคนละ 529 บาทเท่านั้น
เมนูบุฟเฟ่ต์ร้านราเมงเข้าซอย
เมนูของทางร้านมีทั้งอะลาคาร์ทและบุฟเฟ่ต์ โดยเมนูบุฟเฟ่ต์แบ่งออกเป็น
- นิกิริ
- มากิ
- โรล
- ซาซิมิ
- ดงบุริ
- ราเมง
- ยากิ
- สเต็ก
- ของกินเล่น
วัตถุดิบหลักๆ ก็จะมีแซลมอน, ปูอัด, ไข่กุ้ง, ไข่หวาน, ซาบะ, อูนางิ, เนื้อออสซี่, ไก่, หมู ถ้าเป็นคนที่ชอบกระหน่ำแซลมอนก็น่าจะถูกใจร้านนี้ครับ
ร้านที่จัดจานเพื่อการถ่ายรูป
ก่อนอื่นขอบอกว่าการรีวิวในครั้งนี้เราได้รับเชิญจากทางร้าน ซึ่งเราเห็นการตกแต่งจานที่สวยงามและกังวลว่าถ้าลูกค้ามากินเองอาจได้รับประสบการณ์คนละแบบ จึงได้สอบถามทางร้านและได้คำตอบว่าลูกค้าทั่วไปก็สามารถขอการตกแต่งจานแบบนี้ได้เช่นกัน แต่มีเงื่อนไขว่าต้องกินให้หมด และต้องให้เวลาทางร้านในการเตรียมและตกแต่งจานด้วย
“ราเมง” เมนูที่อยากให้ลอง
เมนูแรกที่อยากพูดถึงคือราเมงครับ อันที่จริงแล้วแค่ราเมงก็คุ้มฟินบินได้ ในราคานี้จัดว่าเป็นราเมงทีเด็ดได้เลย
น้ำซุปเสิร์ฟให้ 2 แบบ รสชาติหอมนัวนวล กับเผ็ดจัดจ้าน ดีงามทุกสิ่ง ทั้งไข่ ทั้งเส้น ทั้งซุป ดีถึงขั้นทีมเราคุยกันว่ารอบหน้ามาสั่งแค่อันนี้ก็คุ้มแล้ว ไม่ต้องถึงขั้นสั่งบุฟเฟ่ต์ชุดใหญ่หรอก
เกี๊ยวซ่าทอดมากรอบกำลังดี เช่นกันกับทาโกะยากิที่ให้เนื้อปลาหมึกแบบมีตัวตน แม้ว่าเนื้อปลาหมึกจะไม่ใหญ่โตนัก แต่โดยรวมก็ลงตัวดี
ข้าวปั้นต่างๆ ส่วนมากก็ยืนพื้นกับแซลมอนที่นำมาปรุงแต่งราดซอสเพิ่ม สัดส่วนข้าวและเนื้อปลาสำหรับความเป็นบุฟเฟ่ต์ก็ถือว่าโอเคครับ รสชาติที่ปรุงมาก็น่าจะถูกปากกลุ่มลูกค้าของทางร้าน
ถ้าเป็นสายเอาอิ่มแน่นแนะนำข้าวแกงกะหรี่เลยครับ ข้าวญี่ปุ่นกับน้ำแกงกะหรี่รสกลางๆ กับหมูทอดทงคัตสึ นอกจากจะอิ่มเต็มปากเต็มคำแล้วยังอร่อยกินง่ายด้วย
ปลาซาบะย่างเสิร์ฟแบบชิ้นโตๆ ให้ความรู้สึกสะใจ ซอสเทอริยากิที่ราดมาก็ไม่มากจนเกินไป พอเหมาะกับขนาดปลา เป็นอีกเมนูที่กินง่าย คนไม่ชอบของดิบก็กินได้
กลับมาที่ซาซิมิของโปรดมวลชน นี่เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคนที่ไม่เน้นข้าว เนื้อแซลมอนขนาดใหญ่พอตัว และวาซาบิของร้านนี้ให้มาแบบแสบซ่า แตะนิดๆ ก็พอนะครับ ส่วนโรลต่างๆ ก็กลมกล่อมแก้เบื่อได้ดี
ความสร้างสรรค์ในการเลือกภาชนะของร้านนี้สร้างความตื่นเต้นให้ได้เสมอ อย่างกิมจิจานนี้ก็เลือกใส่ภาชนะที่แปลกตาจนรู้สึกว่ามันควรจะไปอยู่ร้านอาหารหรือบาร์หรูกว่านี้ ส่วนเรื่องของรสชาติก็กลางๆ เป็นกิมจิที่รสไม่จัด กินง่าย
ดูเหมือนร้านนี้จะชื่นชอบควันเป็นพิเศษ แม้กระทั่งแซลมอนดองก็ตกแต่งจานด้วยควันฟูฟ่อง และต้องขอชื่นชมแซลมอนดองร้านนี้ที่ดองเข้าเนื้อจริงๆ ซึ่งหาได้ไม่ง่ายนัก เพราะส่วนมากเป็นแซลมอนราดน้ำดอง แต่ไม่รอให้รสชาติของน้ำแทรกซึมเข้าไปในเนื้อ
ของกินเล่นก็มีหลายอย่าง เช่น ทาโกะวาซาบิ ยำสาหร่าย ยำแซลมอน
สเต็กมีให้เลือกหมูและไก่ รสชาติเบาๆ เด็กกินได้ ที่จริงก็คีบกินได้เพลินๆ เหมือนกันครับ ผักคำ หมูคำ เพลินดี
และนี่เป็นอีกคำที่น่าสนใจ ไข่แซลมอน แซลมอน และซาบะดอง ซึ่งผมหาเมนูนี้ไม่เจอในเล่ม เลยไม่แน่ใจว่าเป็นเมนูพิเศษหรือยังไง เอาเป็นว่าลองสอบถามทางร้านอีกทีนะครับ
ปิดท้ายด้วยหัวปลาต้มซีอิ๊ว ต้มได้เข้าเนื้อ หัวปลาจัดว่าติดเนื้อมาเยอะพอตัว นุ่มๆ แทะๆ หวานๆ เค็มๆ อร่อยครับ
น้ำและของหวานในชุดบุฟเฟ่ต์
เครื่องดื่มรีฟิลหลักๆ ก็เป็นชาเขียว, น้ำแดง และน้ำอัดลม ส่วนของหวานอื่นๆ ก็มีไอติม ให้ตักบริการตัวเอง
บทสรุปรีวิวราเมงเข้าซอย
นับว่าเป็นร้านที่มีกลุ่มลูกค้าชัดเจนคือคนชอบราเมง และคนชอบแซลมอน แม้ไม่ใช่ร้านที่มีวัตถุดิบหลากหลาย แต่เป็นร้านที่ปรุงออกมาได้อย่างน่าสนใจภายใต้ความเป็นบุฟเฟ่ต์ 599 บาท โดยเฉพาะราเมงที่ประทับใจเกินคาด รสชาติโดยรวมออกมากลางๆ ให้กินได้ทุกคน