กระแสความนิยมของ “คัลแลน-พี่จอง” สองหนุ่ม Youtuber เกาหลีที่พาเที่ยวไทยแบบ “ใจฟู” กำลังแรงไม่มีแผ่ว! แต่กว่าจะมีวันนี้ พวกเขาผ่านคลิปไหนมาบ้าง? อะไรคือเสน่ห์ที่ทำให้คนไทยเอ็นดูจนยกให้เป็น “ผู้ชายใจฟู” ไปดูกันเลย!
จุดเริ่มต้นความปัง : จากคลิปสั้นสู่การเป็นไวรัล
ย้อนกลับไปปี 2023 คลิปวิดีโอชื่อ “คนเกาหลีโชว์ 4 วิธีต้มมาม่าเกาหลีให้อร่อย (สูตรลับแต่ไม่ลับ)” ของช่อง “Cullen HateBerry” กลายเป็นจุดเริ่มต้น ทุกคนต่างประทับใจกับรีแอคชั่นสุดจริงใจของคัลแลน หนุ่มเกาหลีหน้าใส ที่มาแนะนำวิธีต้มมาม่าเกาหลีหรือราเมนที่กำลังเป็นที่นิยมมากอยู่ในขณะนั้นให้กับคนไทย แม้ภาษาไทยจะยังไม่คล่อง แต่รอยยิ้มและความเอ็นดูต่อวัฒนธรรมไทยของเขากลับชนะใจคนดูไปเต็ม ๆ
และเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2023 ช่อง 컬렌 Cullen HateBerry ได้เผยวิดีโอหนึ่ง ซึ่งเป็นการออกทริปไปเที่ยวที่ถ้ำนาคา จังหวัดบึงกาฬ
คลิปดังกล่าวมียอดเข้าชมสูงถึง 3,730,380 ครั้ง (อัปเดต ณ วันที่ 18 ก.พ. 2024) และเป็นคลิปที่มีเนื้อหาตอนหนึ่งของนาทีที่ 33:00 ของคลิปนั้นเป็นกระแส ถูกแชร์เป็นคลิปสั้นไปยังแพลตฟอร์มต่าง ๆ มากมาย เนื่องจากมีตอนหนึ่งที่คัลแลนและพี่จองกำลังขอพรที่ถ้ำนาคา ทั้งสองพูดผิดพูดถูกตามประสาชาวต่างชาติที่อาจออกเสียงไทยไม่ชัดนัก จึงทำให้คลิปดังกล่าว ถูกแชร์จนเป็นไวรัลไปมากมาย และยิ่งผู้คนได้ย้อนกลับไปดูคลิปเก่า ๆ บวกกันคลิปใหม่ ๆ กันมากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ในปี 2024 เกิดกระแส พี่จองคัลแลน ฟีเวอร์กันเลยทีเดียว
ถ้าจะพูดให้ถูก ต้องบอกว่า ตามจริงก่อนหน้านี้ คัลแลนและพี่จองมีขื่อเสียงมากพอสมควรในฐานแฟนคลับของตัวเองอยู่แล้ว ถ้าจะพูดภาษาง่าย ๆ ก็คือ เขาดังอยู่แล้ว แต่แค่ยังไม่แมส แค่นั้นแหละ ซึ่งสไตล์การทำคอนเทนต์ของคัลแลนก็จะมีตั้งแต่ สอนทำอาหาร, แบ่งปันชีวิตส่วนตัวและการทำงาน, พาเพื่อน ๆ มาเที่ยวไทย รวมถึง Vlog ทั่วไป
และหากย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2023 คัลแลนและพี่จองก็ได้มีดราม่านิดหน่อย จากประเด็นไก่ทอด 6 ชิ้น 520 บาท ซึ่งเจ้าตัวก็ดูเหมือนจะไม่ได้คิดอะไรมาก แต่คนที่รับไม่ได้ก็คือชาวไทยของเราเองนี่แหละ ซึ่งร้านก็ได้ออกมาชี้แจงแล้วว่าเป็นเพียงการเข้าใจผิด
แม้ชื่อที่คนทั่วไปเรียกติดปากในช่วงแรก ๆ จะเป็น “พี่จอง คัลแลน” แต่ช่วงหลังตามแฮชแท็กที่เหล่าแฟนคลับใช้ในการเทรนด์ จะใช้เป็น #คัลแลนพี่จอง หรือ #CullenHateberry เนื่องจากเป็นการให้เกียรติเจ้าของช่องที่ชื่อว่าคุณ คัลแลน หรือ พัคกีดึก (박기득 – Park Ki Deuk) นั่นเอง
เพราะอะไรคนไทยถึงตกหลุมรัก ?
แรกเริ่มเดิมที ชาวไทยเรามีนิสัยเอ็นดูชาวต่างชาติที่พยายามพูดไทยอยู่ก่อนหน้านี้อยู่แล้ว เนื่องจากภาษาไทยเป็นภาษาที่เข้าใจยาก ออกเสียงยาก และมีความซับซ้อน (ยกตัวอย่างเช่นคำว่า “เขา” คำเดียว ก็แปลได้หลายความหมาย เช่น เขาที่หมายถึงอีกฝ่ายที่เรากำลังพูดถึง, เขาที่แปลว่า ภูเขา, เขาที่ใช้แทนตัวผู้พูดเอง ฯ) ฉะนั้นต่างชาติที่เข้ามาในประเทศไทย ที่สามารถพูดไทยได้ หรือพยายามออกเสียงภาษาไทย จึงได้รับความเอ็นดูจากชาวไทยเป็นพิเศษ เนื่องจากคนไทยมองว่าน่ารัก และมองว่ามีความพยายามดี ซึ่งอย่างที่บอกไปข้างต้นว่าแรกเริ่มเดิมที คนไทยเองก็เอ็นดูชาวต่างชาติเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
เพียงแค่เพราะพูดไม่ชัด ก็ไม่ใช่เหตุผลทั้งหมดที่ทำให้ คัลแลน พี่จอง ครองใจผู้คนจนได้รับความนิยมอย่างล้นหลามเช่นนี้ แต่เนื่องจาก คัลแลนและพี่จอง มีสิ่งที่ทำให้คนไทยรู้สึกพิเศษอีกอย่างก็คือ ความเป็นธรรมชาติของทั้งสอง รวมถึงความลงตัวกลมกล่อมของเพื่อน ๆ ที่ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาคอลแลปส์
ทุกคนที่ได้ชมคลิปของคัลแลนและพี่จอง ล้วนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ดูแล้วใจฟู ดูแล้วอบอุ่นหัวใจ ดูแล้วสบายใจ เนื่องจากในปัจจุบัน สถานการณ์ต่าง ๆ ทั่วไปในประเทศไม่ได้มีเรื่องอะไรให้ชาวไทยรู้สึกยินดีปรีดามากนัก เต็มที่ก็เป็นเรื่องของเหล่าดารา นักร้อง นักแสดง หรือละคร ซีรีส์สนุก ๆ เหมือนเดิม กิจวัตรประจำวันทั่วไปก็ซ้ำ ๆ เดิม ๆ จนกระทั่ง คัลแลนพี่จอง เข้ามาในชีวิตนั่นแหละ ทำให้หลาย ๆ บ้านมีเสียงหัวเราะร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นเหล่าอากง อาม่า หรือลูกเล็กเด็กแดง ต่างก็พากันมานั่งดู คัลแลนพี่จอง ร่วมกัน
เนื่องจากคลิปของคัลแลนและพี่จองเป็นคอนเทนต์ที่ดูได้เรื่อย ๆ ดูได้ทุกเพศทุกวัยจริง ๆ จากการดำเนินเรื่องอย่างสบาย ๆ ไม่หวือหวา ไม่หยาบคาย รวมถึงเวลาทั้งสองพยายามที่จะพูดภาษาไทย ก็จะทำให้เกิดศัพท์แปลก ๆ ประหลาด ๆ ออกมามากมาย บางคำก็ประหลาดจนฟังแล้วรู้สึกขำ (ได้เป็นศัพท์ตลก ๆ ใหม่ ๆไว้เล่นกับเพื่อนอีก) หรือเวลาเจอเหตุการณ์วิกฤต ผิดแผน หรือสถานการณ์ที่ไม่น่าอภิรมย์ พวกเขากลับเลือกที่จะมองข้อดีในวิกฤตเหล่านั้นแทน เพื่อให้แพลนได้ดำเนินต่อได้อย่างราบรื่น รวมถึงทั้งสองมีความกล้าหาญในการผจญภัยในที่ต่าง ๆ แม้แต่บางที่ คนไทยเองยังต้องยอมแพ้ (ส่วนหนึ่งต้องขอยกความดีให้คุณจูดี้ ที่บุกป่าฝ่าดงเก่งมาก อะไรในป่ากินได้ไม่ได้รู้หมด โดยเฉพาะวิชาปราบเซียนอย่างท่าหักอ้อย) จนทำให้หลายคนตกหลุมรักไปกับความมองโลกในแง่ดีของทั้งสอง
“เที่ยวไทย” แบบ “อินเนอร์เด็ก”
จุดเด่นอีกอย่างคือสไตล์การนำเสนอแบบ “อินเนอร์เด็ก” คือมองทุกอย่างด้วยความตื่นเต้น สนุกสนาน เหมือนเด็กน้อยที่เพิ่งมาเมืองไทยครั้งแรก ไม่ว่าจะเป็นการนั่งรถสองแถว ชิมส้มตำ เดินตลาดนัด หรือแม้แต่เจอฝน พวกเขาก็สามารถถ่ายทอดประสบการณ์เหล่านั้นออกมาได้อย่างน่าติดตามและน่าเอ็นดู
“ภาษาไทยงูก ๆ งก ๆ” ที่กลายเป็นเสน่ห์
แม้ภาษาไทยของทั้งคู่จะยังไม่คล่อง แต่กลับกลายเป็นเสน่ห์เรียกเสียงหัวเราะ ด้วยสำเนียง “งูกๆ งกๆ” น่าเอ็นดู พวกเขามักพยายามพูดภาษาไทยเท่าที่สามารถ ทำให้คนไทยรู้สึกอบอุ่น ยินดีช่วยเหลือ และชื่นชมในความพยายามของพวกเขา
มุมมอง “คนนอก” ที่ทำให้เรารักเมืองไทยมากขึ้น
ด้วยสายตาของ “คนนอก” คัลแลน-พี่จอง มักมองเห็นและชื่นชมความสวยงาม ความน่ารักของสถานที่ท่องเที่ยวและวัฒนธรรมไทยในมุมมองที่แตกต่าง ช่วยให้คนไทยเองหันกลับมาชื่นชมและภูมิใจในความเป็นไทยมากขึ้น
สรุป ปรากฏการณ์ “ใจฟู” ที่เกิดจากความจริงใจ
ความสำเร็จของ “คัลแลน-พี่จอง” ไม่ได้มาจากแค่คอนเทนต์ที่สนุกสนาน แต่มาจากความจริงใจในการนำเสนอ พวกเขารักเมืองไทย แสดงออกด้วยความเอ็นดู ชื่นชมวัฒนธรรมไทยอย่างจริงใจ สิ่งเหล่านี้ส่งต่อถึงผู้ชม สร้างความรู้สึก “ใจฟู” และกลายเป็นกระแสที่ได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม
และปัจจุบัน ยังมีคลิปอื่นๆ ที่น่าสนใจอีกมากมาย ลองติดตามช่อง “Cullen HateBerry” เพื่อสัมผัสประสบการณ์ “เที่ยวไทย” แบบ “ใจฟู” ด้วยตัวเอง!