รีวิวหูฟังคราวนี้เป็นแนวสายลุยโดย Skullcandy Push Active พกจุดเด่นด้านการกันน้ำ IP55 พร้อมขาล็อกใบหูเพื่อความกระชับในการออกกำลังกาย และยังมี Skull-iQ ที่เพิ่มเข้ามา โดยพัฒนาร่วมกับ Bragi ประเทศเยอะมันและใช้ชิปเซ็ตจาก Airoha

Skullcandy Push Active ราคา 4,990 บาท

Skullcandy Push Active เปิดตัวมาที่ราคา 4,990 บาท โดยมีให้เลือก 3 สีแสบทรวงเช่นเคยกับ Black Orange, Light Grey Blue, Dark Blue Green สั่งซื้อได้จาก Skullcandy Official Store  

จุดเด่นที่น่าบวก

ขอเริ่มกันที่ดีไซน์ตั้งแต่ตัวกล่องที่เป็นพลาสติกแข็ง ปกป้องตัวหูฟังได้ดี สามารถพกพาใส่กระเป๋าเดินทางได้โดยไม่ต้องกังวล และยังมีที่ปิดจุกชาร์จเพื่อลดความเสี่ยงจากการโดนน้ำด้วย เปิดมาด้วยในก็จะพบสีสันอันแสบทรวงอันเป็นเอกลักษณ์ของ Skullcandy …คือถ้าใครซื้อ Skullcandy แล้วไม่ซื้อสีเจ็บๆ นี่รู้สึกเหมือนเข้าไม่ถึงความแฟชั่นของค่ายนี้

ด้วยความที่ถูกออกแบบมารองรับการใช้งานแบบ Extreme จึงมีก้านเกี่ยวใบหู แต่ก้านของรุ่นนี้จะสั้นกว่า Skull Candy Push Ultra นะครับ และก็มีปุ่มกดข้างละหนึ่งปุ่ม เป็นแบบ Hardware Button ซึ่งรับคำสั่งได้อย่างมั่นใจกว่าแบบสัมผัส

อีกจุดที่น่าสนใจคือ Skull-iQ ที่รวมฟีเจอร์ 4 อย่างได้แก่

• Button Settings ตั้งค่าปุ่มได้ตามใจต้องการ
• Take A Photo กดปุ่มบนหูฟังเพื่อลั่นชัตเตอร์
• Share Audio แบ่งปันเสียงเพลงให้เพื่อน
• Spotify Tap เปิดแอปฟังเพลง

นอกจากนี้ยังสั่งงานด้วยเสียงได้โดยเรียก “Hey Skullcandy” รวมถึงมี EQ ให้ปรับง่ายๆ และแน่นอนว่าต้องมี Stay-Aware Mode เพื่อเปิดรับเสียงภายนอก

เสียงแบบ Skullcandy ดั้งเดิม

เท่าที่เคยได้ใช้ Skullcandy มา ผมรู้สึกว่า Skullcandy Push Active เหมือนการย้อนกลับไปใช้เอกลักษณ์เสียงแบบเดิมของค่าย คือเน้นเบสจัดๆ เลย มาเป็นลูกๆ เน้นๆ แต่ไม่ลึกกระแทก เสียงร้องฟังได้ชัดเจนแต่ไม่ได้พุ่งเด่น มิติเสียงกว้างพอควรแบบใส่แล้วไม่อึดอัด ซึ่งสไตล์เสียงประมาณนี้ก็ตรงกับคาแรกเตอร์ของหูฟัง ที่ออกแบบมาให้เป็นสายลุยและออกกำลังกาย ที่เน้นเบสเป็นตัวขับเคลื่อนพลังงานในร่างกาย ซึ่งคาแรกเตอร์เสียงแบบนี้ จะต่างกับ Skullcandy ยุคใหม่บางตัวที่จูนเสียงต่างออกไป

นอกจากนี้ยังเป็น Bluetooth 5.2 ที่ทำให้การฟังเพลง ดูหนัง หรือเล่นเกม มีความหน่วงที่ต่ำ เรียกได้ว่าภาพตรงกับเสียงมากขึ้นนั่นเอง

สวมใส่กระชับ แบตเตอรี่ 44 ชั่วโมง

ในแง่การดีไซน์สวมใส่ก็ขึ้นอยู่กับใบหูของแต่ละบุคคล แต่สำหรับผมก็ถือว่าใส่ได้แน่นกระชับมาก และน้ำหนักก็ไม่มากเกินไป ทำให้ใส่ต่อเนื่องได้นานโดยไม่เมื่อยล้า โดยแบตเตอรี่ในหูฟังใช้ต่อเนื่องได้ 10 ชั่วโมง และตัวกล่องอีก 34 ชั่วโมง รวมแล้วใช้งานได้ 44 ชั่วโมง

ความรู้สึกจากการใช้งานจริง

จุดสังเกตแรกคือจุกปิดที่ชาร์จ ส่วนตัวแล้วผมไม่ชอบจุกปิดแบบนี้เพราะมันเป็นจุดที่ต้องเปิดบ่อย แต่มันเหมาะกับคนที่เป็นสายลุยหรือคนซุ่มซ่ามที่กลัวทำน้ำหกใส่อะไรแบบนั้น ถัดมาคือขนาดเคสที่ดูใหญ่พอตัว แต่ก็มีข้อดีตรงที่เราไม่หลงลืมมันง่ายๆ ไม่ใช่ว่าเล็กจนทำตกหล่น

เรื่องเสียงนี่เป็นความชอบของแต่ละบุคคลจริงๆ ครับ แต่ส่วนตัวผมชอบเสียง Skullcandy Push Ultra มากกว่า เสียงของตัวนั้นจะค่อนข้างโปร่งฟังได้สบายกว่า ในขณะที่ Skullcandy Push Active ก็ Active สมชื่อ เน้นๆ แน่นๆ Workout แบบนั้นเลย

จุดว๊าวเลยก็คือ Skull-iQ โดยเฉพาะการตั้งปุ่มสำหรับถ่ายรูป ที่ดู Practical มากๆ มีประโยชน์กับชีวิตประจำวัน ส่วน Share Audio ดูน่าตื่นเต้น เหมาะกับคนที่อยากดูหนังฟังเพลงด้วยกัน แต่ไม่อยากรบกวนคนรอบข้าง เมื่อเทียบกับราคา 4,990 บาท ก็ถือว่าเป็นหูฟังที่มีคาแรกเตอร์ชัดเจน ทั้งเรื่องของดีไซน์ ลักษณะเสียง และฟีเจอร์ครับ