หากพูดถึงเลนส์จากค่าย Sony เรามักจะคุ้นหูกับเลนส์ G ตระกูลเลนส์ที่มีคุณภาพยอดเยี่ยม ต่อมาทาง Sony ก็ได้เข็นเลนส์ตระกูล G Master
ออกมา ซึ่งเป็นเลนส์เกรดพรีเมี่ยมยิ่งกว่าเลนส์ G เดิม
โดยออกแบบมาสำหรับกล้อง Mirrorless แบบ Full Frame
มีประสิทธิภาพของเซ็นเซอร์สูงมาก ซึ่งเราก็ได้รับตัวเจ้า Sony FE 16-35mm F2.8 G Master หนึ่งในเลนส์ตระกูล
G Master มาลองใช้ ด้วยระยะ 16-35mm
เป็นระยะที่เอาไปถ่ายได้หลายแนวไม่ว่าจะเป็น Portrait, Landscape, Street
แต่สำหรับรีวิวนี้จะเน้นไปทาง Landscape มากกว่า
หลังจากที่ทางโซนี่ได้ส่งเลนส์ตัวนี้มาให้เราทดสอบและรีวิว
แค่เห็นกล่องของมันเราก็รู้สึกตื่นเต้นเสียแล้ว เนื่องจากมันคือเลนส์ G
Master ที่เป็นเลนส์ชั้นดี
และขึ้นชื่อเรื่องให้ความคมชัดและการเก็บรายละเอียดของภาพ ยิ่งกว่านั้น
พอได้นำเลนส์ตัวนี้ไปถ่ายรูปจริงแล้วต้องตกใจเพราะมันสามารถให้ความคมชัดระดับที่ทำให้คิดได้เลยว่านี่เราใช้งานเลนส์ฟิกซ์อยู่รึเปล่า
จุดเด่น
- เป็นเลนส์ FE-mount สำหรับกล้อง Full Frame
- ชิ้นเลนส์ Sony XA (Extreme Aspherical)
- Nano AR Coating
- ขนาดรู้รับแสงกว้าง F 2.8 ตลอดช่วง
- ไดอะแฟรม 11 กลีบ
- ตัวเลนส์สามารถกันน้ำและฝุ่นละอองได้
- มอเตอร์โฟกัส DDSSM (Direct Drive SSM)
ภายนอก
ด้านหน้าเลนส์เคลือบฟลูออรีนที่ช่วยป้องกันไม่ให้สิ่งสกปรกประเภทของเหลวเกาะติด
วัสดุตัวเลนส์ใช้โลหะทั้งตัว หน้าเลนส์ถูกออกแบบมาให้ใส่ฟิลเตอร์ได้ด้วย
ด้านข้างมีสัญลักษณ์ G Master ,ปุ่มล็อคโฟกัสที่สามารถเปลี่ยนการทำงานของปุ่มได้ที่กล้อง และ สวิทซ์ AF/MF
เปรียบเทียบกับเลนส์ตัวอื่นๆ
|
Sony FE 50mm f/1.8 – Sony FE 16-35mm F2.8 G Master – Sony FE 55mm f/1.8 ZA Carl Zeiss Sonnar |
ชิ้นเลนส์
|
เลนส์ XA (Extreme Aspherical) เลนส์ Aspherical กระจก ED |
- ชิ้นเลนส์ Sony XA (Extreme Aspherical) สองชุดที่มีความแม่นยำพื้นผิว 0.01 ไมครอน ทำให้ได้โบเก้ที่นุ่มนวล และถือเป็นชิ้นเลนส์ที่ผลิตยาก มีราคาสูง
- ชิ้นเลนส์ Aspheric ลดการบิดเบือนของภาพ ทำให้ได้ภาพที่คมชัด
- ชิ้นเลนส์กระจก ED (Extra-low Dispersion) ช่วยควบคุมความคลาดเคลื่อนของสี และ การกระจายแสง ที่มาของสาเหตุขอบม่วง
- Nano AR Coating ช่วยลดแสงสะท้อนระหว่างชิ้นเลนส์ ช่วยลด Flare และการเกิด Ghost
ถึงเลนส์ตัวนี่จะใช้ชิ้นเลนส์ถึง 16 ชิ้นแต่น้ำหนักก็เบากว่าที่คิดไว้มากทีเดียว
สำหรับขอบม่วง ด้วยพลังของชิ้นเลนส์ ED (Extra-low Dispersion) ทำให้มีขอบม่วงน้อยมากลองสังเกตจากภาพด้านล่างก็ได้นะครับ
|
Sony a7Rii F/2.8, 16 mm, 1/1250S, ISO 160 |
หลังจากนี้จะเป็นการใช้งานเลนส์ครับ
กรุงเทพ
ที่แรกที่ได้ไปลองใช้เลนส์คือในร้าน Vivo ที่มีพื้นที่แคบ
แต่ก็ได้ความกว้างของเลนส์เข้ามาช่วยทำให้ถ่ายภาพสะดวกมาก
หลังจากถ่ายเรียบร้อยผมก็ไปกินข้าวกันครับ
อย่างที่เห็นในภาพว่าบริเวณไม่ได้กว้างขวางอะไรเลย
แต่ด้วยความกว้างของเลนส์ก็สามารถเก็บได้หมด
หลังจากกินเสร็จก็เลยพามาเดินถ่ายที่ Skywalk แยกปทุมวัน
|
Sony a7R F/2.8, 16 mm, 1/320S, ISO 80 |
|
Sony a7Rii F/2.8, 34 mm, 1/100S, ISO 500 |
|
Sony a7Rii F/2.8, 29 mm, 1/100S, ISO 500 |
|
Sony a7Rii F/2.8, 16 mm, 1/50S, ISO 500 |
สำหรับโบเก้สวยๆ หรือ เบลอฉากหลังก็คงจะต้องถ่ายใกล้ๆ วัตถุหน่อย
เนื่องจากเป็นเลนส์ที่ระยะค่อนข้างกว้างและค่า F เองก็ไม่ได้กว้างมากนัก
|
Sony a7Rii F/2.8, 35 mm, 1/8S, ISO 1000 |
เขาใหญ่
ไปต่อกันที่เขาใหญ่ครับ โดยทริปนี้เป็นทริปที่เร่งรีบมาก จัดมาเพื่อรีวิวโดยเฉพาะเลย และผมยังได้เอาเลนส์ FE 70-200 มม. F2.8 G Master OSS มาด้วย ซึ่งจะมีรีวิวออกมาให้ชมกันในอนาคตครับ รูปข้างล่างนี้ถ่ายด้วย FE 70-200 มม. F2.8 G Master OSS นั่นเอง
มาถึงที่พักก็เริ่มตั้งกล้องกันเลย
สำหรับใครที่กลัวน้ำค้างจากการตั้งกล้องถ่ายกลางคืนไม่ต้องห่วงเลยเพราะเลนส์มีการซีลป้องกันฝุ่น ละอองน้ำ และความชื้น ได้ครับ
สำหรับสายล่าดาวและทางช้างเผือก หมดห่วงได้เลยสำหรับเลนส์ตัวนี้เพราะ F กว้างถึง 2.8
|
Sony a7Rii F/2.8, 22 mm, 10S, ISO 3200 |
|
Sony a7Rii F/2.8, 16 mm, 10S, ISO 2000 |
|
Sony a7Rii F/2.8, 16 mm, 10S, ISO 2000 |
|
Sony a7R F/2.8, 35 mm, 1/8000S, ISO 400 |
|
Sony a7Rii F/2.8, 16 mm, 10S, ISO 2000 |
หัวหิน
ต่อที่หัวหิน ทริปนี้ได้มีโอกาสไปร่วมแจมกับพี่หลาม รายการล้ำหน้าโชว์
|
Sony a7Rii F/2.8, 27 mm, 1/6400S, ISO 320 |
|
Sony a7Rii F/2.8, 34 mm, 1/2000S, ISO 320 |
|
Sony a7Rii F/2.8, 22 mm, 1/640S, ISO 1000 |
|
Sony a7Rii F/2.8, 16 mm, 1/200S, ISO 500 |
|
Sony a7Rii F/2.8, 34 mm, 1/640S, ISO 400 |
สงขลา
จบด้วยทริปสุดท้ายที่สงขลาครับ รอบนี้มีมอเตอร์ไซค์ สามารถขับวนถ่ายได้รอบเมืองเลย
|
Sony a7Rii F/2.8, 16 mm, 1/3200S, ISO 160 |
|
Sony a7Rii F/2.8, 16 mm, 1/8000S, ISO 50 |
|
Sony a7Rii F/2.8, 35 mm, 1/1250S, ISO 160 |
สำหรับมอเตอร์โฟกัสแบบ DDSSM (Direct Drive SSM) นั้นเป็นมอเตอร์ที่ตอบสนองเร็ว
และแม่นยำมาก ทำให้โอกาสพลาดช็อตคลื่นเด็ดๆ ก็ลดน้อยลงไปอีก
และยังมีความเงียบไม่ทำให้เลนส์สั่นอีกด้วย
|
Sony a7Rii F/2.8, 22 mm, 1/500S, ISO 125 |
|
Sony a7Rii F/2.8, 16 mm, 1/800S, ISO 125 |
|
Sony a7Rii F/2.8, 35 mm, 1/2500S, ISO 320 |
|
Sony a7Rii F/2.8, 16 mm, 1/400S, ISO 50 |
|
Sony a7Rii F/2.8, 19 mm, 1/400S, ISO 250 |
|
Sony a7Rii F/2.8, 35 mm, 1/3200S, ISO 250 |
|
Sony a7Rii F/2.8, 27 mm, 1/100S, ISO 640 |
|
Sony a7Rii F/2.8, 16 mm, 1/1250S, ISO 125 |
|
Sony a7Rii F/2.8, 31 mm, 1/100S, ISO 400 |
สรุป
จากที่ทดลองใช้มาเป็นระยะเวลาเดือนกว่า ผมขอยกให้ Sony FE 16-35mm F2.8 G Master เป็นเลนส์คุณภาพดีสมราคา น้ำหนักไม่มาก สามารถถือถ่ายเล่นได้สบายๆ ยิ่งถ้าใครใช้ Sony a7R ที่น้ำหนักน้อยอยู่แล้วก็จะมีความสุขกับน้ำหนักรวมมากเลยครับ ขนาดเพื่อนผู้หญิงยังบอกเลยว่า “เบากว่าที่คิดไว้” จุดนี้ถือว่า Sony เก่งมากครับ ทำเลนส์ UltraWide F กว้าง ชิ้นเลนส์ 16 ชิ้น แถมเป็น Full Frame ขนาดใหญ่ออกมาให้มีน้ำหนักเพียง 680 กรัมเท่านั้น
สาเหตุที่ผมใส่ใจเรื่องน้ำหนักมากนั้นก็เพราะผมเป็นคนแขนเล็กครับ
และสำหรับการออกทริปแต่ละครั้งก็มีการแบกอุปกรณ์ไปหลากหลาย
ซึ่งหากของทุกชิ้นน้ำหนักมากก็ทำให้เกิดอาการปวดเมื่อยได้ง่ายนั่นเอง
นี่เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ผมเลือกใช้กล้อง Sony เลยล่ะ
ซึ่งถ้ารวมน้ำหนักเลนส์ 16-35 กับ Sony a7R ที่ผมใช้จะอยู่ที่ 1.08 กิโลกรัมเท่านั้นเอง แต่ถ้าเป็น Sony a7Rii ก็จะอยู่ที่ 1.30 กิโลกรัม เพิ่มขึ้นมาอีกนิดหน่อย
สำหรับเลนส์ตัวนี้เอาไปเที่ยวได้สบาย ๆ เลย
จบตัวเดียวยังได้ด้วยขนาดและน้ำหนักที่กำลังดี
มุมมองกว้างพร้อมถ่ายเก็บได้ทั้งคนทั้งวิว ด้วยคุณภาพจากการแปะชื่อ G
Master เป็นประกัน ซึ่งนอกจากจะใช้งานทั่วไปได้ดีแล้ว
ยังสามารถใช้ในการถ่ายรับงานได้สบายๆ เลยล่ะ เพราะโฟกัสได้ไวมาก สำหรับ
Distortion พอใช้ได้ครับมีเห็นชัดบ้างเวลาปรับกว้างสุดและ F กว้างสุด
ส่วนขอบม่วงถือว่ามีน้อยมาก ฉะนั้นใครที่เล็งเลนส์ตัวนี่ ผมแนะนำเลยครับ
ของมันต้องมี
สำหรับรูปแบบเต็มๆ กดไปดูที่นี่ได้เลยครับ https://flic.kr/s/aHsmc3z6zJ