หากจะพูดถึงซาซิมิ ซูชิหรืออาหารญี่ปุ่นราคาเบาๆ คนส่วนใหญ่คงนึกถึง Sushi Express ที่เป็นสายพานจานละ 30 บาท แต่ที่จริงยังมี Shinkanzen Sushi ซึ่งราคาใกล้เคียงกันและมีเมนูที่น่าสนใจกว่า ด้วยราคาเริ่มต้นชิ้นละ 11 บาทไปจนถึงจานหลักร้อย
ร้านอาหารญี่ปุ่นกับราคาเริ่มต้นที่ชิ้นละ 11 บาทด้วยคุณภาพที่ดีกว่าซูชิตลาดนัด และยังมีสารพัดเมนูซูชิในราคาหลักสิบบาทเท่านั้น รวมถึงข้าวหน้าต่างๆ และโรลที่มีราคาสูงขึ้นมาอีกนิด ซึ่งโดยรวมแล้วให้คุณภาพที่น่าประทับใจกว่าราคาที่จ่าย
สิ่งแรกที่ทำให้ตัดสินใจเดินเข้าร้านนี้ก็คือป้ายราคาที่เริ่มต้นเพียง 11 บาทต่อชิ้น ซึ่งว่าไปแล้วมันก็ราคาแทบไม่ต่างจากร้านในตลาดนัด แต่ได้เมนูที่น่าสนใจกว่า และมันยิ่งน่าสนกว่าเดิมเมื่อขยับมาดูราคาที่ 39 บาทก็ได้ซูชิปลาไหลย่าง และที่ 49 บาทก็ได้ซูชิไข่แซลมอน ตบท้ายที่น่าสนใจด้วยซูชิตับห่านหรือที่เรียกติดปากว่า “ฟัว กราส์” ที่มีราคาเพียง 69 บาทเท่านั้น …บอกได้เลยว่าราคานี้หายากมาก และยิ่งมองเข้าไปในร้านสาขา Union Mall ก็เห็นผู้คนอยู่แน่นทุกโต๊ะ จนรู้สึกว่าร้านนี้ก็คงมีดีแหละไม่งั้นคนคงไม่เต็มขนาดนี้
ด้วยความอยากรู้อยากลองเลยสั่งเมนูมารัวๆ เริ่มจากเมนูพื้นฐานอย่างแซลมอนซาซิมิในราคา 99 บาท ได้มา 6 ชิ้นในขนาดที่ไม่แพ้ร้านอื่นๆ เลย ส่วนเรื่องของรสชาติและคุณภาพก็ถือว่าทำได้ดีกว่าราคา ไม่มันจนเลี่ยนเกินไป นุ่มหนึบพอตัว
ความน่าหงุดหงิดของร้านอาหารญี่ปุ่นราคาประหยัดหลายร้าน ก็คือการเลือกใช้ซอสที่เข้มจนเกินไป ทำให้เราได้แต่ความเค็มของซอสโดยไม่ได้รสของวัตถุดิบเลย แต่ที่ Shinkanzen Sushi จัดว่าสอบผ่านตรงจุดนี้ด้วยการมีซอสให้เลือก 2 แบบที่เค็มจัดและแบบที่ปรุงมากำลังดี รวมถึงวาซาบิที่แสบถึงทรวง ทำให้อรรถรสด้านเครื่องเคียงไม่แพ้ร้านที่ราคาสูงกว่านี้
ยำแซลมอนเป็นอีกเมนูที่ถูกปากคนไทย ด้วยรสชาติที่จัดจ้านสไตล์ไทยผสมกับความนุ่มของแซลมอน และนี่ก็ถือเป็นอีกเมนูที่ทำออกมาได้ดีด้วยราคา 89 บาท และมีให้เลือกยำ 2 แบบคือ ยำแซลมอนสด และยำแซลมอนซีฟู๊ด ซึ่งตามความเข้าใจของผมก็คือต่างกันที่น้ำยำครับ
ผมไม่คาดหวังอะไรมากนักกับซูชิเนื้อย่างออสเตรเลียในราคา 19 บาท เนื่องจากเมนูลักษณะนี้ปรกติขายกันชิ้นละหลักร้อย แต่สิ่งที่สัมผัสได้ก็คือน้ำซอสที่ราดมาค่อนข้างหอมและหวาน เลยช่วยชดเชยกับตัวเนื้อที่แอบเหนียวไปนิดและขาดกลิ่นเฉพาะตัว ให้มีความลงตัวมากขึ้น …แม้จะไม่ถูกใจนักเพราะคุ้นเคยกับคุณภาพและราคาที่สูงกว่านี้ แต่ต้องบอกว่าด้วยราคา 19 บาทก็คงตัดสินใจได้ไม่ยากแล้ว
สารพัดเมนูซูชิที่สั่งมาลองโดยรวมก็ถือว่าทำได้ดีเกินคาด และจะเห็นว่าอัตราส่วนปลาและข้าวอยู่ในปริมาณพอเหมาะ ต่างจากร้านราคาประหยัดและบุฟเฟ่ต์ที่มักจะให้แบบ “เศษปลากับนาข้าว” แต่จุดสังเกตก็คือวัตถุดิบขาดรสและกลิ่นเฉพาะตัวแทบทั้งหมด เลยใช้ข้าวที่ปรุงให้ติดหวานเข้ามาช่วยขับรสชาติให้มีมิติมากขึ้น ….ในกลุ่มราคา 11 บาทอย่างหมึกก็ยังได้สัมผัสที่เป็นหมึก ส่วนซาบะก็ไม่ติดเปรี้ยว อาจบอกได้ว่าทั้งคู่ทำออกมาได้ใกล้เคียงร้านเฟรนไชน์บางที่ด้วยซ้ำ
ไข่แซลมอนในราคา 49 บาทเป็นเมนูที่ไม่ประทับใจเท่าไรด้วยกลิ่นที่แปลกไปหน่อยแบบที่บรรยายไม่ถูก จากประสบการณ์แล้วถ้ากลุ่มของไข่เช่น ไข่แซลมอน, ไข่หอยเม่น ถ้าราคาถูกมากๆ มักให้กลิ่นที่ไม่น่าประทับใจนัก จึงไม่แปลกใจเท่าไรกับเมนูนี้
ปลาไหลย่างมีผิวสัมผัสที่ค่อนข้างดีกว่าราคาและใช้รสชาติความหวานจากซอสเป็นตัวนำ เทียบกับราคา 39 บาทก็ถือว่าดีครับ ส่วนเอ็นกาวะเป็นอีกเมนูโปรดของผมที่ไปร้านไหนก็ต้องสั่ง และโดยท่ัวไปก็มีราคาราวๆ 200 บาทแต่ที่นี่ขาย 28 บาท ในแง่รสชาติก็ตามที่เกริ่นไปแล้วว่า Shinkanzen Sushi ขาดรสและกลิ่นของวัตถุดิบแต่จะได้รสชาติจากการปรุงแต่งซะมากกว่า ในแง่ของผิวสัมผัส Texture ต่างๆ ก็ให้ความรู้สึกที่เป็นเอ็นกาวะแต่ขาดความหนึบหนับไปหน่อย …แต่สุดท้ายเมื่อเทียบราคาที่ถูกกว่าเกือบ 10 เท่า ผมถือว่าเมนูนี้ผ่านครับ
ล่าสุดที่ผมได้ลองซูชิมันปูก็เป็นของ Heiroku Sushi ราคาชิ้นนึงก็หลายร้อยแต่ที่นี่ 35 บาท แม้รสและกลิ่นจะไม่ตราตรึงเท่าแต่ก็ต้องบอกว่าทำได้ดีเกินคาด ส่วนกลุ่มของทูน่าออกจะแห้งไปหน่อยกับทูน่าสับราคา 19 บาทและแบบชิ้น 22 บาท แม้ว่าจะราคาถูกมากและถือว่าทำได้ดีในราคานี้ แต่ก็ไม่ใช่เมนูที่ผมคิดจะสั่งซ้ำ ต่างจากหอยปีกนกราคา 22 บาทที่ไม่ได้หนานุ่มกรุบหวานอะไรนักแต่ก็ยังมีความน่าสนใจ รวมถึงท้องแซลมอนราคา 28 บาทที่กินได้เรื่อยๆ
หอยเชลล์ย่างเป็นอีกเมนูโปรดของผม และสำหรับสูตรของ Shinkanzen Sushi จะราดด้วยซอสไข่กุ้งในราคา 39 บาท แม้จะไม่มีความหวานจากตัววัตถุดิบแต่การใช้ซอสไข่กุ้งมาช่วยก็ได้รสหวานๆ กรุบๆ ซึ่งก็ถือว่าดีในราคานี้
ที่ต้องบอกว่าดีเกินคาดก็คือตับห่านในราคา 69 บาท ซึ่งผมไม่คาดหวังอะไรเลยจากตับห่านในราคานี้ เพราะที่เคยเจอมาในราคาที่ต่ำกว่า 200 บาท มักจะแห้งๆ หรือไม่ก็ชิ้นเล็กแล้วปรุงสุกจนมันแข็งไร้ความนุ่ม แต่ของที่นี่ให้ชิ้นที่ขนาดกำลังดี มีความนุ่มและยังคงให้กลิ่นเฉพาะตัว จัดว่าเป็นเมนูที่น่าสนใจมากครับ
ทาโกะยากิจัดว่าเป็นอีกเมนูที่กินง่ายและทำได้ดี ยังคงมีความหวาน นุ่ม กรุบ ในราคา 49 บาทจัดว่าดีเลยครับ …และต่อไปก็จะลองส่วนของ Don กันบ้าง
ข้าวหน้าหมูย่างในราคา 89 บาทน่าจะถูกใจคนที่เน้นอิ่ม เพราะให้เยอะและเนื้อชิ้นหนาใหญ่ แต่สำหรับผมรู้สึกว่าเนื้อที่หนาเกินไปทำให้ขาดความแห้งของการย่าง และกลิ่นก็ยังไม่เตะจมูกเท่าไร แต่ถ้าเทียบกับร้านแนว Don ตามห้างที่จานละราวๆ 100 บาท ผมว่าที่นี่ก็ทำได้ไม่แพ้กันเลย
ต่างจากข้าวหน้าเนื้อกับราคา 115 บาทที่ต้องบอกว่าเนื้อนุ่มกำลังดี รสชาติของน้ำซอสที่ราด บวกกับไข่ที่ตอกลงไป ทำให้เกิดความนัวที่จัดว่าลงตัวน่าสนใจ …หรือพูดง่ายๆ ว่าอร่อยครับ
การจ่ายเงินก็ต้องเดินไปจ่ายที่เค้าเตอร์หน้าร้าน ซึ่งขอสารภาพว่าผมกับเพื่อนพึ่งไปครั้งแรกและไม่รู้ว่าต้องจ่ายด้วยวิธีไหน …แค่เดินไปบอกหมายเลขโต๊ะหรือต้องยกแก้วใบเสร็จไปด้วย? แต่เนื่องจากเห็นคนอื่นๆ ยกแก้วใบเสร็จไป เราก็ยกไปมั่ง …เบ็ดเสร็จหลังจากอิ่มเอิบสารพัดเมนูก็จ่ายไปแค่ราวๆ 1,100 บาทเท่านั้น ถือว่าถูกมากเมื่อเทียบกับสิ่งที่ถล่มไป
โดยรวมแล้วอาหารของ Shinkanzen Sushi ทำได้ดีเกินราคา เรียกได้ว่าเทียบเท่าร้านเฟรนไชน์มากสาขาบางแห่งเลย ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะการเลือกคัดเกรดวัตถุดิบที่ไม่ได้หรูหรามากนัก เลยทำให้ขาดกลิ่นและรสเฉพาะตัวของวัตถุดิบ แต่ทางร้านก็ใช้วิธีการปรุงรสด้วยซอสต่างๆ เพื่อชดเชยรสชาติที่หายไป ทำให้ภาพรวมที่ออกมาถือว่าคุ้มค่าเกินราคาที่จ่าย เป็นร้านที่กินแก้อยากได้ดีโดยเฉพาะเมื่อเทียบกับ Sushi Express ที่มีราคาใกล้เคียงกัน แต่ Shinkanzen Sushi มีตัวเลือกที่เยอะกว่า
สุดท้ายก่อนออกจากร้านยังมีป้ายข้อความกันลืมสำหรับคนที่ถอดรีเทนเนอร์ด้วย …ก็น่ารักดีนะ