รีวิว Redmi Note 12 อีกหนึ่งความคุ้มค่า ในราคาที่จับต้องได้

Redmi Note 12 และ Redmi Note 12 5G ซีรีส์ขายดีของแบรนด์ Redmi ที่ขึ้นชื่อในเรื่องประสิทธิภาพเกินราคา สำหรับ Redmi Note 12 มีทั้งรุ่น 4G และ 5G มาดูกันว่าทั้งสองรุ่นมีอะไรน่าสนใจบ้างครับ

ดีไซน์

Redmi Note 12 และ Redmi Note 12 5G มีขนาดและน้ำหนักตัวเครื่องเรียกว่าใกล้เคียงกันมาก แต่ตัว 4G จะมีน้ำหนักที่เบากว่าและบางกว่าเล็กน้อย ส่วนรูปลักษณ์จะมีความแตกต่างกันคือ Redmi Note 12 ใช้การดีไซน์แบบฝาหลังเรียบและขอบตัวเครื่องแบบเหลี่ยม ส่วน Redmi Note 12 5G จะใช้ดีไซน์แบบฝาหลังขอบโค้งครับ อีกจุดที่แตกต่างกันคือการวางแฟลชกล้องหลัง โดยรุ่น Redmi Note 12 จะวางแฟลชเป็นวงกลมเหนือกล้องตัวที่ 3 ในขณะที่ Redmi Note 12 5G จะวางแฟลชเป็นทรงเม็ดยาด้านล่างของกล้องตัวที่ 3

ทั้งสองรุ่นเลือกใช้เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่เป็นปุ่ม Power ในตัว ซึ่งมีข้อดีในแง่ของ Ergonomic ที่นิ้วโป้งมือขวา หรือนิ้วชี้มือซ้ายจะสัมผัสลงที่ปุ่มได้อย่างเป็นธรรมชาติ

ลำโพงของทั้งสองรุ่นจะเป็นลำโพงตัวเดียวอยู่ที่ด้านล่างของตัวเครื่อง ชาร์จไฟผ่านพอร์ต USB-C อยู่ที่ด้านล่างของตัวเครื่อง ส่วนด้านบนจะมีช่องหูฟัง 3.5 มม. และเซนเซอร์ IR Blaster สำหรับใช้มือถือเป็นรีโมทสำหรับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ให้เราควบคุมทีวี, แอร์, พัดลม ฯลฯ ได้แทนรีโมท

อีกหนึ่งจุดที่มีความแตกต่างคือถาดซิม โดย Redmi Note 12 จะใช้ถาดซิมแบบ Triple slot ใส่สองซิมและ Micro SD Card พร้อมกันได้เลย ในขณะที่ Redmi Note 12 5G ใช้ถาดซิมแบบ Hybrid slot ช่องที่สองต้องเลือกระหว่างซิมสองหรือ Micro SD Card

หน้าจอ

ทั้งสองรุ่นมีหน้าจอที่เหมือนกันคือเป็นหน้าจอ AMOLED ขนาด 6.67 นิ้ว ความละเอียด FHD+ รีเฟรชเรทอยู่ที่ 120Hz ครอบคลุมการแสดงผลสีสัน DCI-P3 มีความสว่างสูงสุดที่ 1,200 nits ครอบทับด้วยกระจก Corning Gorilla Glass 3

ตัวซอฟต์แวร์สามารถปรับแต่งสีสันของหน้าจอ สามารถเลือกขอบเขตสี และปรับ White balance ได้

กล้อง

กล้องเป็นอีกจุดที่แตกต่างกันครับ สำหรับ Redmi Note 12 ใช้เซ็ตอัพกล้องแบบ 3 ตัว ประกอบด้วย

  1. กล้องหลัก 50MP f/1.8 ขนาดพิกเซล 0.64 ไมครอน มีเทคโนโลยี 4-in-1 Super Pixel size รวมพิกเซลเป็นขนาด 1.28 ไมครอน
  2. กล้องมุมกว้าง 8MP f/2.2 มีมุมมองภาพ 120 องศา
  3. กล้องมาโคร 2MP f/2.4

แอปกล้องออกแบบมาให้ถ่ายภาพได้ 3 ระยะ คือ มุมกว้าง 0.6 เท่า ระยะ 1 เท่า และซูม 2 เท่าที่จะใช้การซูมแบบดิจิทัลไม่เสียความละเอียด รองรับการถ่ายภาพแบบ HDR และมี AI ช่วยปรับค่ากล้องให้เหมาะสมกับสิ่งที่ถ่ายโดยอัตโนมัติ ส่วนการถ่ายแบบมาโครจะมีเมนูแยกออกมาต่างหาก

โหมดถ่ายภาพบุคคล รองรับการถ่ายเฉพาะระยะ 1X โดยจะทำภาพหน้าชัดหลังเบลอโดยอัตโนมัติและปรับระดับความเบลอได้ ใช้งานได้ทั้งถ่ายสิ่งของและคนครับ

โหมดกลางคืนรองรับการถ่ายภาพที่ระยะ 1X และ 2X

สำหรับวิดีโอ รองรับการถ่ายสูงสุดที่ 1080P 30FPS

สำหรับ redmi Note 12 5G ใช้เซ็ตอัพกล้องแบบ 3 ตัวเช่นกัน ประกอบด้วย

  1. กล้องหลัก 48MP f/1.8 ขนาดพิกเซล 0.64 ไมครอน มีเทคโนโลยี 4-in-1 Super Pixel size รวมพิกเซลเป็นขนาด 1.28 ไมครอน
  2. กล้องมุมกว้าง 8MP f/2.2 มีมุมมองภาพ 118 องศา
  3. กล้องมาโคร 2MP f/2.4

แอปกล้องเหมือนรุ่น Redmi Note 12 เลย คือออกแบบมาให้ถ่ายภาพได้ 3 ระยะ คือ มุมกว้าง 0.6 เท่า ระยะ 1 เท่า และซูม 2 เท่าที่จะใช้การซูมแบบดิจิทัลไม่เสียความละเอียด รองรับการถ่ายภาพแบบ HDR และมี AI ช่วยปรับค่ากล้องให้เหมาะสมกับสิ่งที่ถ่ายโดยอัตโนมัติ ส่วนการถ่ายแบบมาโครจะมีเมนูแยกออกมาต่างหาก

โหมดถ่ายภาพบุคคล รองรับการถ่ายเฉพาะระยะ 1X โดยจะทำภาพหน้าชัดหลังเบลอโดยอัตโนมัติแต่จะไม่สามารถปรับระดับความเบลอได้ และใช้งานได้ทั้งถ่ายสิ่งของและคนครับ

โหมดกลางคืนมีเช่นกัน รองรับการถ่ายภาพที่ระยะ 1X และ 2X

สำหรับวิดีโอ รองรับการถ่ายสูงสุดที่ 1080P 30FPS เช่นเดียวกัน

กล้องหน้าทั้งสองรุ่นใช้กล้องความละเอียด 13MP f/2.45 ทั้งคู่ รองรับการทำภาพหน้าชัดหลังเบลอด้วย

อีกโหมดถ่ายภาพที่ผมชอบมากและมีทั้งสองรุ่นคือโหมดถ่ายเอกสาร จะให้ภาพออกมาเหมือนเราสแกนเอกสารด้วยเครื่องสแกน โดยตอนถ่ายเราถ่ายปกติและตัวซอฟต์แวร์จะจัดการปรับมุมพร้อมลบแสง ลบเงา ปรับสี ให้เรียบร้อยเลย

ประสิทธิภาพ

เรียกว่าเป็นจุดที่ทั้งสองรุ่นมีความแตกต่างกันชัดเจน โดย Redmi Note 12 จะใช้ชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 685 รองรับการเชื่อมต่อเครือข่าย 4G ทั้งสองซิม เครื่องที่ได้มาทดสอบมาพร้อมแรม 8 GB และมีความสามารถในการดึงพื้นที่เก็บข้อมูลภายในเครื่องไปใช้แทนแรมได้อีก 3 GB รวมเป็น 11 GB พื้นที่เก็บข้อมูล 128GB

ส่วน Redmi Note 12 5G จะใช้ชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 4 Gen 1 ที่ประสิทธิภาพดีกว่า Snapdragon 685 เล็กน้อย รองรับการเชื่อมต่อเครือข่าย 5G ทั้งสองซิม เครื่องที่ได้มาทดสอบมาพร้อมแรม 6 GB และมีความสามารถในการดึงพื้นที่เก็บข้อมูลภายในเครื่องไปใช้แทนแรมได้อีก 2 GB รวมเป็น 8 GB พื้นที่เก็บข้อมูล 128GB

ทั้งสองรุ่นมาพร้อมกับ NFC สามารถใช้งาน Google Wallet แบบแตะเพื่อจ่ายได้ สำหรับระบบปฏิบัติการจะใช้ MIUI 14 โดยจะมีฟีเจอร์เด่นๆ ได้แก่

แอปความปลอดภัย

เป็นแอปศูนย์รวมการดูแลเครื่อง ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพเครื่อง สแกนไวรัส ลบไฟล์ขยะต่างๆ ล็อกแอป โคลนแอป และในกรณีที่เครื่องมีปัญหา แอปนี้ก็มีตัวสแกนพร้อมแก้ไขปัญหาเบื้องต้นให้ด้วยครับ

อีกฟีเจอร์น่าสนใจของแอปนี้คือ ตัวทำความสะอาดเชิงลึก ที่จะแนะนำไฟล์ที่เราอาจจะอยากลบออกจากเครื่องเพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บข้อมูล เช่น รูปภาพซ้ำ รูปภาพที่ถ่ายมาแล้วเบลอ ไฟล์วิดีโอขนาดใหญ่ เป็นต้น

Game Turbo

เป็นแอปตัวช่วยในการเล่นเกม โดยจะปรับประสิทธิภาพเครื่องให้เหมาะสมในการเล่นเกมที่สุดให้อัตโนมัติเมื่อเข้าเกม และยังมีฟีเจอร์เสริมอื่นๆ อีก เช่น ล็อกความสว่างหน้าจอ ปิดกั้นการแจ้งเตือน ปิดไม่ให้ปัดแถบแจ้งเตือนลงมา เปิดแอปอื่นๆ ในรูปแบบหน้าต่างย่อ เป็นต้น

ในการทดสอบ PUBG เครื่อง Redmi Note 12 ปรับกราฟิกแนะนำเป็นระดับดี เฟรมเรทระดับกลาง

สำหรับ Redmi note 12 5G ปรับกราฟิกแนะนำมาให้เป็นระดับ HD พร้อมเฟรมเรทระดับสูงเลย

แบตเตอรี่

เรื่องแบตเตอรี่ทั้งสองรุ่นเหมือนกันเลยคือใช้แบตเตอรี่ขนาด 5.000 mAh ชาร์จเร็ว 33W ครับ โดยแถมหัวชาร์จ 33W มาให้แล้วในกล่อง

สรุป

Redmi Note 12 และ Redmi Note 12 5G มีความน่าสนใจทั้งคู่ ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอ AMOLED ขนาดใหญ่คุณภาพดี ตัวเครื่องที่บางและเบา พกพาสะดวก แบตเตอรี่ขนาดใหญ่พร้อมระบบชาร์จเร็วช่วยเติมไฟกลับเข้าไปอย่างรวดเร็ว ประสิทธิภาพโดยรวมที่ทำให้การใช้งานทั่วไปลื่นไหล หรือจะนำไปเล่นเกมก็ยังได้ กล้องถ่ายรูปที่ให้ภาพนิ่งน่าประทับใจทั้งกลางวันและกลางคืน ถือเป็นมือถือที่ครบเครื่องมากๆ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการมือถือที่ประสิทธิภาพดีในราคาเข้าถึงง่ายครับ

Xiaomi Official Store ซื้อจากช้อปออฟฟิเชียลมั่นใจกว่า
LAZADA: https://s.lazada.co.th/s.QnXVj?cc
Shopee: https://shope.ee/7f6UfjCflt