ปี 2017 เราได้เห็นแบรนด์ต่าง ๆ เปิดตัวสมาร์ทโฟนด้วยอัตราส่วนหน้าจอแบบ 18:9 ออกมาหลายรุ่น โดยมี LG ประเดิมทำเป็นเจ้าแรกในรุ่น G6 โดยใช้ชื่อทางการค้าว่า FullVision Display ตามมาด้วย Samsung ที่เปิดตัวมากับ Galaxy S8 | S8+ ในชื่อ Infinity Display
จากนั้นก็เริ่มมีรุ่นอื่นๆ ที่ใช้แนวคิดอัตราส่วนแบบนี้ออกมาให้เห็นมากขึ้น โดยในช่วงกลางปี Samsung ก็ได้เปิดตัว Galaxy Note 8 ที่ใช้จอ Infinity Display เช่นเดียวกัน ต่อด้วย LG ที่ส่ง V30 | V30+ ที่มาพร้อมจอ FullVision Display รุ่นอัปเกรดหน้าจอเป็น P-OLED ส่วน Apple เองก็ไม่ยอมน้อยหน้า ได้ส่ง iPhone X ที่มาพร้อมจอ Super Retina display ในอัตราส่วนใกล้เคียงกันออกมารวมถึงแบรนด์อื่น ๆ เช่น Google Pixel 2 XL, Essential PH-1, HTC U11 Plus เป็นต้น
อย่างไรก็ตามแม้หลายคนชอบเรียกจอแบบนี้ว่าเป็น 18:9 แต่ก็ใช่ว่าทุกรุ่นที่ว่ามาข้างต้นจะเป็นอัตราส่วนแบบ 18:9 ทั้งหมด ยกตัวอย่างเช่น Samsung Galaxy Note 8, Apple iPhone X, Google Pixel 2 XL, LG V30 และ Essential PH-1 จะเห็นได้ว่าแต่ละรุ่นนั้นมีอัตราส่วนจอที่แตกต่างกันออกไป
ถึงแม้หลายคนจะนิยมเรียกจอแบบนี้ว่ามีอัตราส่วน 18:9 แต่ก็ไม่ใช่สมาร์ทโฟนทุกรุ่นที่จะมีอัตราส่วนจอแบบ 18:9 เป๊ะ ๆ เช่นเดียวกับที่นิยมเรียกเหมารวมจอ 16:9 ทั้งที่จริงบางรุ่นก็เป็น 16:10
*อัตราส่วน 19.5:9 บน iPhone X วัดจากมุมด้านบนสุดถึงมุมตรงข้ามด้านล่างสุด แต่ถ้านับจากติ่งที่แหว่งลงมาก็จะเป็นอัตราส่วน 18.5:9 เช่นเดียวกับ Galaxy Note 8
ชื่อเรียกสากลของอัตราส่วน 18:9
แม้ว่าแต่ละแบรนด์จะตั้งชื่ออัตราส่วน 18:9 ให้มีชื่อทางการค้าแตกต่างกันออกไป เช่น FullVision Display, Infinity Display, Super Retina display แต่ที่จริงแล้วอัตราส่วน 18:9 มีชื่อเรียกตามหลักสากลว่า “Univisium” ซึ่งถูกใช้มาตั้งแต่ปี 1998
ที่มาของคำว่า Univisium
คำว่า Univisium นั้นถูกคิดขึ้นโดยผู้กำกับภาพ (Cinematographer) ที่ชื่อ Vittorio Storaro ในปี 1998 โดยคุณ Vittorio มองว่าในอนาคต (ปัจจุบันของพวกเรา) ภาพยนตร์จะถูกถ่ายทำออกมาใน 2 อัตราส่วน คือ 21:9 สำหรับภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ที่ฉายในโรงภาพยนตร์ และ 16:9 สำหรับภาพยนตร์ที่เน้นฉายทางโทรทัศน์ แต่ฟิล์มที่มีอยู่นั้นไม่ได้มีอัตราส่วนที่เกื้อหนุนผู้สร้างภาพยนตร์เลย ถ้าถ่ายเป็นอัตราส่วน 4:3 และต้องฉายในอัตราส่วน 21:9 จะทำให้จัดองค์ประกอบภาพได้ยาก
คุณ Vittorio เลยคิดว่าควรเปลี่ยนมาใช้ฟิล์มอัตราส่วน 18:9 ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยระหว่างอัตราส่วน 16:9 และ 21:9 ทำให้สามารถตัดภาพเป็น 2 อัตราส่วนนี้ได้โดยไม่ต้องกลัวว่าองค์ประกอบภาพจะเสีย ซึ่งคุณ Vittorio ได้ทดลองใช้กับภาพยนตร์เรื่อง The Last Emperor ซึ่งภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ได้รางวัลออสการ์ถึง 9 สาขา โดยมีรางวัลสาขาถ่ายภาพยอดเยี่ยมด้วย
ขอเล่าถึงประวัติของคุณ Vittorio Storaro สักนิด เขาคือนักกำกับภาพชื่อดังและได้รับรางวัลออสการ์สาขาถ่ายภาพยอดเยี่ยมอยู่หลายครั้ง โดยผลงานเด่น ๆ ก็เช่นApocalypse Now (กองทัพอำมหิต)The Last Emperor (จักรพรรดิโลกไม่ลืม) ถ้าผลงานใหม่หน่อยก็ Café Society (ณ ที่นั่นเรารักกัน)ที่ออกฉายไปเมื่อปี 2016
โดยตอนงานเปิดตัว LG G6 ทาง LG Mobile ก็ได้เชิญคุณ Vittorio Storaro มาอธิบายถึงข้อดีของอัตราส่วนจอแบบนี้ด้วย ซึ่งเดี๋ยวจะมาอธิบายกันต่อไปว่ามันดียังไง
อัตราส่วน 18:9 บนสมาร์ทโฟน
สมาร์ทโฟนเน้นเนื้อหาด้านทางยาวมากกว่าด้านกว้างและคนเราถือสมาร์ทโฟนแนวตั้งมากกว่าแนวนอน เพราะฉะนั้นการใช้จออัตราส่วนนี้ทำให้สามารถแสดงเนื้อหาได้มากกว่า นอกจากนี้สมาร์ทโฟนยังมี Status bar หรือสถานะของโทรศัพท์ ซึ่งแสดงผลตลอดเวลาทำให้กินพื้นที่ด้านบนของจอไปด้วย และในสมาร์ทโฟนที่เป็นระบบปฏิบัติการ Android หลาย ๆ รุ่นก็มี Navigation bar หรือที่บางคนเรียกว่าปุ่มในจอทำให้กินพื้นที่ด้านล่างของจอเข้าไปอีก (โดน 2 เด้งทั้งบนและล่าง) ดังนั้นการเลือกใช้อัตราส่วนที่ยาวกว่าเดิมจึงคล้ายกับการเรียกคืนพื้นที่เหล่านั้นกลับมา
และในปัจจุบันอัตราส่วนภาพยนตร์ที่นิยมมี 3 แบบได้แก่ 16:9 ใช้กับการ์ตูนและซีรีส์บนโทรทัศน์ส่วนใหญ่ 21:9 ใช้กับภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ส่วนใหญ่ และ 1.85:1 ใช้กับภาพยนตร์บางเรื่อง ซึ่งการดูภาพยนตร์บนจอ 18:9 จะได้พื้นที่แสดงผลมากกว่า โดยซีรีส์เรื่องใหม่ ๆ ที่ผลิตโดย Netflix นั้นก็มีการถ่ายทำในอัตราส่วน 18:9 ด้วย เช่น House of cards, Stranger things, Startrek discovery เป็นต้น
การแสดงผลวิดีโอบนจออัตราส่วน 16:9 และ 18:9
โดยทั่วไปแล้วหน้าจออัตราส่วน 18:9 ในขนาด 6 นิ้วจะมีขนาดใกล้เคียงกับหน้าจอ 16:9 ขนาด 5.5 นิ้ว เมื่อนำมาเล่นไฟล์วีดีโอในแต่ละอัตราส่วนก็จะติดขอบดำที่ต่างกันออกไป และเมื่อคำนวนพื้นที่ในการแสดงผลจริงก็จะได้ผลลัพธ์ดังนี้
1. วีดีโออัตราส่วน 18:9
- จอ 16:9 แสดงผลจริงขนาด 5.3 นิ้ว
- จอ 18:9 แสดงผลจริงขนาด 6 นิ้ว
2.วีดีโออัตราส่วน 16:9(อัตราส่วนยอดนิยมสำหรับรายการโทรทัศน์ในปัจจุบัน)
- จอ 16:9 แสดงผลจริงขนาด 5.5 นิ้ว
- จอ 18:9 แสดงผลจริงขนาด 5.5 นิ้ว
3.วีดีโออัตรา 21:9(อัตราส่วนยอดนิยมสำหรับภาพยนตร์อร์มยักษ์)
- จอ 16:9 แสดงผลจริงขนาด 5.2 นิ้ว
- จอ 18:9 แสดงผลจริงขนาด 5.8 นิ้ว
4.วีดีโออัตรา 18.5:1
- จอ 16:9 แสดงผลจริงขนาด 5.4 นิ้ว
- จอ 18:9 แสดงผลจริงขนาด 5.6 นิ้ว
บทสรุป
อัตราส่วน Univisium เป็นเทรนด์ที่กำลังมาแรงในปี 2017 และการที่แบรนด์ชั้นนำอย่าง Samsung, Apple และ Google หันมาใช้จออัตราส่วนนี้ก็เปรียบเสมือนการผลักดันอุตสาหกรรมการผลิตเนื้อหาต่างๆ ให้ออกมาเป็นแบบ 18:9 จึงมีแนวโน้มสูงที่อัตราส่วนนี้จะกลายเป็นมาตรฐานของสมาร์ทโฟนในยุคถัดไป
อย่างไรก็ตาม แม้อัตราส่วน Univisium จะมีข้อดีหลายอย่าง แต่ผู้ใช้หลายรายยังคงต้องการจออัตราส่วน 16:9 แบบดั้งเดิมอยู่ มีเพียงเวลาเท่านั้นที่จะพิสูจน์ว่า Univisium จะเป็นแค่กระแสชั่วคราวหรือจะมาแทนที่จอ 16:9 แบบดั้งเดิมโดยสมบูรณ์ ซึ่งในปัจจุบันผู้ผลิตบางเจ้าก็เลือกที่จะใช้จอทั้งสองแบบในผลิตภัณฑ์ตัวเองควบคู่กันไป เช่น Google Pixel 2 (16:9) กับ Pixel 2 XL (18:9) เป็นต้น