cropped-cropped-edtaro-logo-2.jpg

มาริโมะ (Marimo) พืชน้ำเก่าแก่ที่มีความหมายลึกซึ้งมากกว่าแค่ตกแต่งบ้าน

เชื่อว่าคนที่กำลังเข้ามาอ่านบทความนี้ หลายคนคงจะกำลังเลี้ยงมาริโมะอยู่ แต่หลายคนคงจะเคยเห็นผ่านตา และคงสงสัยว่า เจ้าลูกกลม ๆ สีเขียวในขวดโหลที่ผู้คนนิยมเลี้ยงกันอยู่ตอนนี้มันคืออะไร ใช่ปลาชนิดหนึ่งมั้ย (!?) มีชีวิตหรือเปล่า และสามารถเติบโตได้ไหม หรือทำได้แค่อยู่นิ่ง ๆ ทั้งปีทั้งชาติไปแบบนั้น… เอาล่ะ! วันนี้เราจะพาทุกคนมาทำความรู้จัก “มาริโมะ (Marimo)” ชื่อญี่ปุ่น: まりも หรือ Marimo Moss Ball กันค่ะ

ถิ่นกำเนิดและวิธีการก่อตัวของสาหร่ายมาริโมะ

ณ อุทยานแห่งชาติ “อะคัง” ประเทศญี่ปุ่น (Lake Akan, Japan) สถานที่ที่ภูมิทัศน์ดี อากาศเย็นสบาย ปลอดโปร่งแจ่มใส แวดล้อมไปด้วยทิวทัศน์ที่สวยงามและสัตว์ป่าน้อยใหญ่ ระบบนิเวศสมบูรณ์แบบไม่เหมือนใคร มาริโมะก่อตัวขึ้นอย่างง่าย ๆ จากการรวมตัวของสาหร่ายที่เกิดขึ้นใต้ก้นทะเลสาปอะคัง

มาริโมะ (Marimo) พืชน้ำเก่าแก่ที่มีความหมายลึกซึ้งมากกว่าแค่ตกแต่งบ้าน
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก: scienceportal.jst.go.jp

ด้วยความที่แสงส่องไปถึงไม่มาก และกระแสน้ำของทะเลสาบแห่งนี้ก็เย็นและมีการเคลื่อนที่ตลอดเวลา จึงทำให้เศษสาหร่ายจิ๋วหลิวค่อย ๆ รวมตัวกันทีละนิด นานไปก็พากันก่อตัวเป็นก้อนกลม ม้วนตัวกันไปตามก้นทะเลสาบ รวบรวมเศษสาหร่ายอื่น ๆ ไปด้วยตามทาง จนกลายเป็นลูกกลมได้ ๆ 1 ลูก โดยมาริโมะสามารถมีได้ตั้งแต่ขนาดจิ๋วหลิวมาก ๆ ไปจนถึงขนาดใหญ่กว่าหัวเด็กได้เลย

มาริโมะ (Marimo) พืชน้ำเก่าแก่ที่มีความหมายลึกซึ้งมากกว่าแค่ตกแต่งบ้าน
ขอขอบคุณภาพจาก: jalan.net

โดยชื่อ “มาริโมะ” มาจากคำในภาษาญี่ปุ่น “มาริ” ซึ่งแปลว่าลูกบอล และ “โม” ซึ่งแปลว่าสาหร่าย การมาของชื่อนั้นเรียบง่ายเหมือนกับตัวของพวกเขาไม่มีผิด

ตำนานรักโบราณ ต้นกำเนิดแห่งมาริโมะ

มาริโมะ (Marimo) พืชน้ำเก่าแก่ที่มีความหมายลึกซึ้งมากกว่าแค่ตกแต่งบ้าน
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก: blog.livedoor.jp/harumayou

ตำนานของสาหร่ายมาริโมะมาจากนิทานพื้นบ้านของญี่ปุ่น เป็นเรื่องราวอันน่าทึ่งที่ดึงดูดใจผู้คนในญี่ปุ่นและผู้คนทั่วโลก ซึ่งเต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่สืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น ตำนานเล่าถึงพลังอัศจรรย์ของธรรมชาติ ความยืดหยุ่นของความรัก และความสำคัญของประเพณี…

เรื่องราวของสาหร่ายมาริโมะเริ่มต้นจากหญิงสาวชื่อโอยาชิมะ (Oyashima – 親島) ซึ่งอาศัยอยู่ใกล้กับทะเลสาบอะคัง โอยาชิมะหลงรักชายหนุ่มจากหมู่บ้านใกล้เคียง แต่ครอบครัวของพวกเขาเป็นศัตรูกัน และพวกเขาไม่ได้รับอนุญาตให้อยู่ด้วยกัน แต่โอยาชิมะและชายหนุ่มก็ยังคงรักกันอย่างสุดหัวใจ

อยู่มาวันหนึ่ง ชายหนุ่มถูกฆ่าตายในการสู้รบระหว่างหมู่บ้านทั้งสอง โอยาชิมะหัวใจแตกสลาย เธอร่ำไห้อยู่หลายวัน ทำใจไม่ได้ที่ต้องสูญเสียผู้เป็นที่รักไป น้ำตาของเธอไหลลงสู่ทะเลสาบ และขณะที่เธอร้องไห้ ก็มีสิ่งอัศจรรย์เกิดขึ้น เพราะเมื่อเวลาผ่านไปน้ำตา ของเธอกลายเป็นลูกบอลสีเขียวขนาดเล็กที่ลอยขึ้นสู่ผิวน้ำ กล่าวกันว่าลูกบอลเหล่านี้เป็นศูนย์รวมของความรักและความทุ่มเทของโอยาชิมะ เรียกว่าสาหร่ายมาริโมะ (Marimo – まりも) ซึ่งแปลว่า “ลูกบอลสาหร่าย” ในภาษาญี่ปุ่น

ทุกวันที่ผ่านไป สาหร่ายมาริโมะมีขนาดใหญ่ขึ้นและสวยงามมากยิ่งขึ้น และผู้คนก็เริ่มสังเกตเห็นความงามที่เป็นเอกลักษณ์และความมหัศจรรย์ของสาหร่ายเหล่านี้

มาริโมะ (Marimo) พืชน้ำเก่าแก่ที่มีความหมายลึกซึ้งมากกว่าแค่ตกแต่งบ้าน
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก: scienceportal.jst.go.jp

ในไม่ช้าตำนานของสาหร่ายมาริโมะก็แพร่หลายไปทั่วญี่ปุ่น และผู้คนก็เริ่มเชื่อมโยงสาหร่ายกับความรัก ความโชคดี และความเจริญรุ่งเรือง กลายเป็นธรรมเนียมไปแล้วที่จะให้สาหร่ายมาริโมะเป็นของขวัญเพื่อแสดงความรักและความปรารถนาดี เชื่อกันว่าสาหร่ายมาริโมะสามารถนำความโชคดีและความสุขมาสู่เจ้าของได้

ตำนานของสาหร่ายมาริโมะจึงไม่ได้เป็นเพียงเรื่องราวของพืชมหัศจรรย์เท่านั้น หากแต่เป็นเรื่องราวที่หยั่งรากลึกในวัฒนธรรมและมรดกของฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น เป็นสัญลักษณ์ของความสำคัญของประเพณีและพลังแห่งความรักที่ยั่งยืน มันเตือนเราว่าแม้ในช่วงเวลาที่มืดมนที่สุด ความรักและความทุ่มเทสามารถสร้างบางสิ่งที่สวยงามและน่าอัศจรรย์ได้

สาหร่ายมาริโมะยังเป็นสัญลักษณ์ของความยืดหยุ่นของธรรมชาติอีกด้วย เป็นการเตือนใจว่าแม้ต้องเผชิญกับความทุกข์ยาก ธรรมชาติก็มีพลังในการรักษาและฟื้นฟูตัวเอง สาหร่ายมาริโมะเป็นสิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติที่พบได้เพียงไม่กี่แห่งในโลก ด้วยคุณสมบัติเฉพาะตัวทำให้เป็นพืชพิเศษที่เป็นที่ต้องการของนักสะสม

ความโด่งดัง และความเชื่อ

มาริโมะ (Marimo) พืชน้ำเก่าแก่ที่มีความหมายลึกซึ้งมากกว่าแค่ตกแต่งบ้าน
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก: greensnap

สาหร่ายมาริโมะเป็นที่รู้จักของชาวฮอกไกโดมานานหลายศตวรรษ มีความเชื่อกันว่าสาหร่ายมาริโมะเป็นพืชน้ำนำโชคในเรื่องของความรัก (สายมูแบบญี่ปุ่น) โดยใครที่มักจะไม่สมหวังในความรักมักจะชอบเลี้ยงมาริโมะ และมาริโมะมักจะถูกให้เป็นของฝาก โดยนิยมนำมาใส่โหลแก้วหรือขวดแก้วที่ถูกตกแต่งอย่างสวยงามด้วยทราย หิน หินภูเขาไฟ ลูกแก้ว หรือเปลือกหอย เป็นการสื่อความหมายให้ผู้รับโชคดี และเดินทางโดยสวัสดิภาพ

ในช่วงต้นศตวรรษที่ 1900 สาหร่ายมาริโมะเริ่มได้รับความนิยมนอกเกาะฮอกไกโด และได้รับความสนใจจากนักสะสมทั่วโลก กลายเป็นสินค้าอันเป็นที่ต้องการจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม รัฐบาลญี่ปุ่นได้ตระหนักถึงความสำคัญของสาหร่ายมาริโมะที่มีต่อวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อมในท้องถิ่น จึงดำเนินการเพื่อปกป้องสาหร่ายมาริโมะ

ในปี 1952 ทะเลสาบอะคังถูกกำหนดให้เป็นพื้นที่คุ้มครอง รัฐบาลได้มีการออกกฎระเบียบเพื่อจำกัดการเก็บสาหร่ายมาริโมะ

มาริโมะ (Marimo) พืชน้ำเก่าแก่ที่มีความหมายลึกซึ้งมากกว่าแค่ตกแต่งบ้าน
ภาพส่วนหนึ่งของเทศกาลมาริโมะ ประเทศญี่ปุ่น มีจุดประสงค์ในการปกป้องมาริโมะซึ่งเป็นสมบัติทางธรรมชาติพิเศษในประเทศที่เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์
ขอขอบคุณภาพจาก: gutabi.jp

ปัจจุบัน สาหร่ายมาริโมะเป็นพืชที่ได้รับความนิยมทั่วโลก และถือเป็นสัญลักษณ์ของความโชคดีและความเจริญรุ่งเรือง มักให้เป็นของขวัญและใช้เป็นของตกแต่งบ้านและที่ทำงานตาม อีกทั้งสาหร่ายมาริโมะยังคงเป็นส่วนสำคัญของวัฒนธรรมญี่ปุ่นและเป็นเครื่องเตือนใจถึงความงามและความยืดหยุ่นของธรรมชาติ

วิธีเลี้ยงสาหร่ายมาริโมะอย่างเหมาะสมที่บ้าน

มาริโมะ (Marimo) พืชน้ำเก่าแก่ที่มีความหมายลึกซึ้งมากกว่าแค่ตกแต่งบ้าน
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก: greensnap

ในปัจจุบัน มาริโมะยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง มีผู้คนไม่น้อยที่เลี้ยงมาริโมะมาแล้วไม่ต่ำกว่าสิบปี แต่ก็มีผู้คนไม่น้อยอีกเช่นกันที่เพิ่งเริ่มต้น หรืออยากจะเริ่มต้น

วันนี้เราจะพาทุกคนมาดูวิธีการเลี้ยงมาริโมะอย่างเหมาะสมที่บ้านของเรากันค่ะ ปัจจัยหลัก ๆ ที่ต้องเอาใจใส่ก็มีแค่

  • น้ำสะอาด เย็น ใส
  • ตู้ปลาน้อยหรือขวดโหล โดยภาชนะและอุปกรณ์ดังกล่าวสามารถหาได้ตามแอปช็อปปิ้งออนไลน์ ท้องตลาด หรือห้างสรรพสินค้าทั่วไป รวมถึง IKEA

สำหรับวิธีการเลี้ยงมาริโมะอย่างถูกต้อง สามารถปฏิบัติตามขั้นตอนดังต่อไปนี้ได้เลย!

วิธีการเลี้ยงมาริโมะ

มาริโมะ (Marimo) พืชน้ำเก่าแก่ที่มีความหมายลึกซึ้งมากกว่าแค่ตกแต่งบ้าน

1. อุณหภูมิของน้ำ

มาริโมะชอบอุณหภูมิที่เย็น เพราะพวกเขามาจากที่เย็น โดยอุณหภูมิควรอยู่ที่ 18-25°C หลีกเลี่ยงการวางไว้ในที่ที่โดนแสงแดดโดยตรง เช่น ริมหน้าต่าง หรือใกล้แหล่งความร้อน เช่น หม้อน้ำ หากเราให้มาริโมะโดนแดด หรือน้ำเริ่มอุ่น ๆ มาริโมะจะเริ่มผลัดขนออก เนื่องจากไม่สบายตัว

2. สารอาหาร

มาริโมะต้องการสารอาหารน้อยมาก ไม่จำเป็นต้องกระหน่ำใส่ปุ๋ยน้ำ เพราะพวกเขาโตช้าอยู่แล้ว และยังไงก็สามารถสังเคราะห์แสงได้เองอยู่ดี

แต่ถ้าหากต้องการส่งเสริมการเจริญเติบโตของมาริโมะ ก็อาจเพิ่มปุ๋ยน้ำเล็กน้อยลงในภาชนะเดือนละ 1 ครั้ง หรือหากต้องการเพิ่มความสบายให้กับมาริโมะ ก็อาจเพิ่มเกลือทะเลลงไปนิดหน่อย (กะปริมาณการเพิ่มเกลือทะเลให้เหมาะสมกับปริมาตรน้ำ) หรือใส่เบคกิ้งโซดาลงไปนิดนึง เพราะมาริโมะชอบน้ำที่ค่อนข้างมีค่าเป็นด่าง

3. ภาชนะ

สามารถเลี้ยงมาริโมะในภาชนะได้หลายแบบ เช่น โอ่ง ชาม หรือแม้กระทั่งในตู้ปลา ควรเลือกภาชนะที่ใหญ่พอให้มาริโมะเติบโตได้ และมีพื้นที่เพียงพอให้พวกมันเคลื่อนไหวไปมา ภาชนะควรทำจากแก้วใสหรือพลาสติกเพื่อให้แสงส่องผ่านได้อย่างเหมาะสม และเนื่องจากมาริโมะมีถิ่นกำเนิดจากน้ำที่เย็นและเคลื่อนไหวตลอดเวลา คนที่มีงบหน่อยอาจติดตั้งเครื่องกรองเล็ก ๆ เพื่อให้กระแสน้ำมีการเคลื่อนที่อยู่เสมอ เลี้ยงในห้องแอร์ (เพราะสามารถควบคุมอุณหภูมิได้) ในกรณีที่เอามาริโมะไว้ในตู้เย็น อย่าลืมพามาริโมะออกมารับแสงบ้าง

4. คุณภาพน้ำ

มาริโมะต้องการน้ำที่สะอาดเพื่อให้เติบโตได้อย่างเหมาะสม สามารถใช้ได้ทั้งน้ำกรองและน้ำประปา แต่ถ้าหากใครไม่มั่นใจในน้ำประปาเขตตัวเอง ว่าอาจมีคลอลีนแรงเกินไป สามารถพักน้ำทิ้งไว้อย่างน้อย 2 วันก่อนน้ำมาใช้ได้

ที่สำคัญ เปลี่ยนน้ำในภาชนะทุกสองสัปดาห์ อย่าลืมล้างมาริโมะให้สะอาดโดยการบีบเบา ๆ (ย้ำว่าเบา ๆ) ก่อนเติมน้ำ หากมาริโมะขนร่วง หรือดูเหมือนป่วย แต่ยังมีส่วนที่ดูสุขภาพดีเป็นสีเขียวอยู่ ให้เอานิ้วมือถูเบา ๆ เพื่อเอาขนส่วนที่ตายแล้วออกไป

5. แสง

มาริโมะสามารถเติบโตได้ในสภาพแสงน้อยถึงปานกลาง แต่พวกเขาก็ยังต้องการแสงบางส่วนเพื่อสังเคราะห์แสง วางมาริโมะของคุณไว้ใกล้หน้าต่างในตอนที่ไม่มีแดดจัดหรือเปิดไฟ LED เพื่อให้พวกเขาเติบโตอย่างเหมาะสม หลีกเลี่ยงการวางไว้ในที่ที่โดนแสงแดดโดยตรง เพราะอาจทำให้น้ำอุ่นเกินไปและเป็นอันตรายต่อมาริโมะของคุณได้

6. การทำความสะอาด

มาริโมะบอบบางและเสียหายได้ง่าย หลีกเลี่ยงการบีบแรง ๆ หรือฉีกให้ออกจากกันเพราะอาจทำให้มาริโมะตายได้ และค่อยๆ ปั้นมาริโมะวนเป็นก้อนกลม ๆ เพื่อรักษารูปทรงกลม

อย่างไรก็ตาม มาริโมะไม่ได้ตายง่ายขนาดนั้น ใครที่เผลอบีบจนแตก ไม่ต้องตกใจไป เพราะสามารถแก้ไขได้ง่าย ๆ ด้วยวิธีการดังต่อไปนี้

หากมาริโมะของคุณจะขาดแหล่มิขาดแหล่ ก็จัดการแยกมาริโมะออกจากกัน และปั้นขึ้นเป็นก้อนใหม่

หากมาริโมะของคุณมีขนกระเดิด แปลว่าน้องกำลังจะคลอดลูก ห้ามฉีกเขาออกจากกันอย่างเด็ดขาด ให้รอเขาแยกตัวของเขาเอง

อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่ามาริโมะไม่ได้ตายง่ายขนาดนั้น เราเอาใส่ตู้ปลากัดไว้หลายเดือนกว่ามาริโมะจะป่วยและตาย (ยอมรับตรง ๆ เลยแหละว่าดูแลไม่ดี เลยได้บทเรียนจากประสบการณ์ในครั้งนั้นมา) หากใครเจอมาริโมะมีอาการป่วยก็ไม่ต้องตกใจไป เพราะในบางอาการ ยังสามารถรักษาได้อยู่ เช่น ขนรอบ ๆ เริ่มเปลี่ยนเป็นสีขาวหรือสีน้ำตาล สามารถรักษาอาการป่วยของมาริโมะได้ตามวิธีการดังต่อไปนี้

มาริโมะออนไลน์ที่ผู้เขียนเคยซื้อจริงและอยากแนะนำต่อ

วิธีการรักษามาริโมะป่วย

มาริโมะ (Marimo) พืชน้ำเก่าแก่ที่มีความหมายลึกซึ้งมากกว่าแค่ตกแต่งบ้าน
ขอขอบคุณภาพจาก: thecorneroflife

คุณภาพน้ำ: ตรวจสอบคุณภาพน้ำและตรวจสอบให้แน่ใจว่าสะอาดและปราศจากสิ่งปนเปื้อน หากน้ำขุ่น ให้เปลี่ยนทันทีและล้างมาริโมะให้สะอาดก่อนเติมน้ำจืด

1. อุณหภูมิของน้ำ

ตรวจสอบอุณหภูมิของน้ำและตรวจสอบให้แน่ใจว่าอยู่ในช่วง18-25°C

2. สารอาหาร

หากมาริโมะของดูเหมือนจะป่วยหรือไม่เจริญเติบโต แปลว่าอาจขาดสารอาหาร โดยเราสามารถเติมวิตามินสำหรับพืชน้ำหรือปุ๋ยน้ำในปริมาณเล็กน้อยเพื่อส่งเสริมการเจริญเติบโต

3. แสง

พาน้องรับแสงให้พอเหมาะ เนื่องจากมาริโมะต้องการแสงบ้างเพื่อการสังเคราะห์แสงและเติบโต

4. การดูแล

หลีกเลี่ยงการบีบหรือดึงมาริโมะแรง ๆ เพราะอาจทำให้เกิดความเสียหายได้ หากมาริโมะแตกหรือไม่เป็นทรง ควรค่อยๆ คลึงมาริโมะอย่างเบามือเพื่อรักษารูปร่างกลมดิ๊กของพวกเขาไว้

5. ให้เวลา

หากมาริโมะป่วย อาจใช้เวลาสักพักในการฟื้นตัว จงอดทนและให้การดูแลที่เหมาะสมต่อไปเพื่อให้มาริโมะของเราหายเป็นปกติ

หากจำเป็น ให้ตัดชิ้นส่วนที่เสียหายหรือตายแล้วออกอย่างระมัดระวังด้วยกรรไกรที่สะอาด

มาริโมะ (Marimo) พืชน้ำเก่าแก่ที่มีความหมายลึกซึ้งมากกว่าแค่ตกแต่งบ้าน
ขอขอบคุณภาพจาก: akankoshopn

ด้วยการดูแลที่เหมาะสม มาริโมะสามารถมีชีวิตอยู่ได้หลายปีและเติบโตต่อไป พวกเขาเป็นพืชที่ไม่ต้องบำรุงรักษามากนัก อีกทั้งยังสามารถมอบบรรยากาศที่สงบและผ่อนคลายได้ในทุกพื้นที่

สรุปได้ว่าสาหร่ายมาริโมะ นอกจากจะเป็นพืชที่ให้ความสวยงาม สงบ และเพลิดเพลิน ที่มาและตำนานของสาหร่ายมาริโมะเป็นเรื่องราวที่ทั้งประทับใจและอบอุ่นใจ เป็นการย้ำเตือนว่าความรักและความทุ่มเทสามารถสร้างบางสิ่งที่สวยงามและน่าอัศจรรย์ได้ และธรรมชาตินั้นมีพลังในการรักษาและฟื้นฟูตัวเอง สาหร่ายมาริโมะไม่ได้เป็นเพียงพืชเท่านั้น เป็นสัญลักษณ์แห่งความหวัง ความยืดหยุ่น และพลังแห่งความรักที่ยืนยง

ความเห็น

edtaro.com © 2024 All rights reserved