ด้วยความมุ่งมั่นที่ต้องการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อให้ชีวิตประจำวันของผู้คนเป็นเรื่องง่ายขึ้น เจมส์ ไดสัน (James Dyson) ได้เปิดตัวเครื่องหนีบผมใหม่ล่าสุด Dyson Airstrait ที่ช่วยในการยืด เป่าแห้ง และจัดแต่งทรงให้ผมเรียบลื่นได้แม้ขณะผมเปียกด้วยกระแสลม โดยไม่ใช้แผ่นความร้อน และไม่ทำร้ายเส้นผม
เครื่องหนีบผม Dyson Airstrait ได้รับการออกแบบให้เหมาะกับการใช้ในทุกสภาพเส้นผม ช่วยในการจัดแต่งผมให้ตรงสวย พร้อมดูมีน้ำหนัก พลิ้วไหวได้อย่างเป็นธรรมชาติ แต่ยังคงความแข็งแรงและดูสุขภาพดีอยู่เสมอ2 โดยแกนหนีบผมทั้งสองด้านจะหนีบรับเส้นผม พร้อมปล่อยกระแสลมจากใบพัดแรงดันสูงที่บังคับทิศทางลมให้ตรงไปสู่เส้นผมภายในแกนหนีบด้วยองศาที่แม่นยำ เพื่อเป่าแห้งและยืดผมเรียบตรงในเวลาเดียวกันด้วยเครื่องหนีบผมเพียงเครื่องเดียว
เจมส์ ไดสัน (James Dyson) ผู้ก่อตั้งและหัวหน้าทีมวิศวกร Dyson กล่าวว่า “จากความเข้าใจในการควบคุมการไหลเวียนของอากาศและการนำศักยภาพของกระแสลมมาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นความเชี่ยวชาญของ Dyson ที่มุ่งมั่นพัฒนามาตลอด 25 ปี จึงเกิดเป็นกลไกสำคัญของเครื่องหนีบผม Dyson Airstrait ซึ่งถือเป็นเครื่องหนีบผมเครื่องแรกของเราที่ผลิตมาเพื่อใช้งานในขณะผมเปียกและแห้ง (wet to dry) ออกมาสู่ตลาดได้สำเร็จ โดยไม่มีการใช้แผ่นความร้อนและไม่ทำร้ายเส้นผม อีกทั้งมอบความสะดวกสบายในการใช้งานให้แก่ผู้ที่ชื่นชอบการหนีบผม ด้วยใบพัดที่ปล่อยกระแสลมแรงดันสูงจะช่วยประหยัดเวลาให้แก่ผู้ใช้งาน แต่ยังคงความแข็งแรงให้กับเส้นผม และให้ผลลัพธ์ผมตรงสวยเป็นธรรมชาติในทุกวัน”
กระแสลมพร้อมระบบควบคุมที่แม่นยำ
แกนทั้งสองด้านของเครื่องหนีบผมประกอบไปด้วย 2 ช่องสำหรับปล่อยกระแสลมขนาด 1.5 มิลลิเมตร ที่จะปล่อยแรงลมความดันสูงออกจากแกนทั้งสองด้านในมุม 45 องศา ผสานพลังเพื่อสร้างแรงลมและควบคุมให้ลมกดต่ำลงในทิศทางเดียวเพื่อรีดผมให้เรียบตรงขณะเป่าแห้งไปพร้อมกัน ซึ่งกระแสลมที่ถูกควบคุมทิศทางนี้จะช่วยจัดแต่งเส้นผมให้เรียบลื่นและเงางาม
วิทยาศาสตร์เบื้องหลังการจัดแต่งทรงผม
Dyson ได้ค้นคว้าวิจัยด้านวิทยาศาสตร์ของการจัดแต่งทรงผมมานานกว่าทศวรรษ และได้ลงทุนไปเกือบพันล้านปอนด์สเตอร์ลิงเพื่อขยายและเร่งพัฒนาการวิจัยเทคโนโลยีในกลุ่มผลิตภัณฑ์สำหรับดูแลเส้นผมอย่างต่อเนื่อง โดยทีมวิศวกรของ Dyson ได้ศึกษาค้นคว้าทุกส่วนสำคัญอย่างละเอียด ตั้งแต่โครงสร้างเส้นผมไปจนถึงพลวัตหรือการเคลื่อนไหวของกระแสลม พร้อมศึกษาเพื่อทำความเข้าใจถึงปัจจัยที่ทำร้ายเส้นผมไม่ว่าจะเป็นความร้อน การดูแลที่ไม่เหมาะสม และสารเคมี ไปจนถึงผลกระทบที่จะเกิดต่อสุขภาพผม
มอเตอร์ Dyson Hyperdymium
เครื่องหนีบผม Dyson Airstrait ใช้มอเตอร์ Hyperdymium ที่ได้รับการพัฒนาด้านวิศวกรรมมาโดยพิเศษ เพื่อนำมาปรับใช้ให้กลายเป็นหัวใจสำคัญของเทคโนโลยีการดูแลเส้นผมของ Dyson โดยมอเตอร์นี้มีขนาดเล็ก น้ำหนักเบา แต่ทรงพลังมากพอที่จะสร้างกระแสลมเพื่อเป่าแห้งและรีดผมให้เรียบตรงได้ในเวลาเดียวกัน ด้วยใบพัด 13 แฉกหมุนพัดเร็วถึง 106,000 รอบต่อนาที ซึ่งสร้างกระแสลมได้กว่า 11.9 ลิตรต่อวินาที และสร้างแรงดันอากาศมากถึง 3,500 กิโลปาสกาล ซึ่งเพียงพอสำหรับการยืดผมพร้อมเป่าแห้ง และด้วยมอเตอร์ที่มีขนาดเพียง 27 มิลลิเมตร จึงเล็กพอที่จะใส่ไปในด้ามจับและช่วยผลิตกระแสลมที่ทรงพลังให้แก่เครื่องหนีบผม
ระบบอัจฉริยะควบคุมความร้อน
เช่นเดียวกับกลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมอื่น ๆ ของ Dyson เครื่องหนีบผม Dyson Airstrait มีระบบอัจฉริยะควบคุมความร้อน เป็นเทอร์มิสเตอร์หุ้มแก้วสำหรับวัดอุณหภูมิกระแสลมที่ปล่อยออกมาได้ถึง 16 ครั้งต่อวินาที ข้อมูลอุณหภูมิดังกล่าวจะถูกส่งไปให้ไมโครโปรเซสเซอร์ที่ทำหน้าที่กำหนดอุณหภูมิ เพื่อให้แน่ใจว่ากระแสลมจะไม่มีอุณหภูมิที่ร้อนเกินมาตรฐานที่ตั้งไว้ เพื่อป้องกันความเสียหายของเส้นผมจากความร้อน และคงความเงางามของเส้นผม
สองโหมดจัดแต่งทรงผม พร้อมระบบควบคุมอุณหภูมิ
เครื่องหนีบผม Dyson Airstrait ประกอบด้วยโหมดจัดแต่งทรงผมแบบ ‘เปียก’ และ ‘แห้ง’ รวมถึงโหมด ‘เป่าเย็น’ เพื่อเซ็ตทรงผม โดยโหมดเปียกและแห้งเป็นโหมดที่ถูกตั้งระดับความร้อนและกระแสลมไว้ล่วงหน้าเพื่อผลลัพธ์ทรงผมที่ดีที่สุด สำหรับโหมด ‘เปียก’ ผู้ใช้งานสามารถเลือกอุณหภูมิความร้อนได้ 3 ระดับ ตั้งแต่ 80, 110, และ 140 องศาเซลเซียส และสำหรับโหมด ‘แห้ง’ ผู้ใช้งานสามารถเลือกอุณหภูมิระหว่าง 120 หรือ 140 องศาเซลเซียส หรือสามารถเพิ่มอุณหภูมิด้วยตัวเองในโหมด ‘boost’ ขณะที่ระบบควบคุมกระแสลมจะมีทั้งหมด 2 ระดับความเร็ว ได้แก่ แรงลมต่ำและแรงลมสูง รวมถึงลมเย็นและโหมดเป่าแห้งที่โคนผม
เครื่องหนีบผม Dyson Airstrait เตรียมวางจำหน่ายในประเทศไทยเร็ว ๆ นี้ สำหรับผู้ที่สนใจสามารถลงทะเบียนเพื่อรับข่าวสารล่าสุดของนวัตกรรมเครื่องหนีบผมใหม่จาก Dyson ได้ก่อนใคร ผ่านการลงทะเบียนบนเว็บไซต์ https://www.dyson.co.th/th-TH/new-launches/hair-care/sign-up ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป