รีวิว vivo X90 Pro 5G กล้องโปรในมือคุณ

สวัสดีครับ วันนี้เราอยู่กับสมาร์ทโฟนเรือธงอีกรุ่นที่มีคนสนใจกันเยอะมาก vivo X90 Pro 5G ซีรีส์นี้รับประกันเรื่องกล้องที่พัฒนาร่วมกับ ZEISS โดยในแต่ละรุ่นที่ออกมาจะเพิ่มฟีเจอร์และความจริงจังในการถ่ายภาพมากขึ้นเรื่อยๆ สำหรับรุ่นล่าสุดนี้ต้องบอกว่าตอบโจทย์ทั้งสายถ่ายภาพทั่วไปที่อยากได้กล้องมือถือดีๆ สักตัวจนถึงสายถ่ายภาพจริงจังที่ชอบการปรับแต่งที่หลากหลายเพื่อผลิตภาพสวยๆ ครับ มาดูกันเลย

ดีไซน์พรีเมียม

เรามาเริ่มกันที่งานดีไซน์ของ vivo X90 Pro 5G กันก่อนเลย โดยรุ่นนี้มีเอกลักษณ์การดีไซน์ที่ผสมผสานระหว่างความหรูหราพรีเมียมและความเป็นกล้องเข้าด้วยกัน เมื่อดูการจัดวางกล้องหลังที่อยู่ในทรงกลมขนาดใหญ่ ลักษณะแฟลชที่เป็นแถวยาว พร้อมสกรีนสเปคของเลนส์กล้องหลังบนตัวเครื่อง ล้วนให้อารมณ์แบบกล้องใหญ่

เมื่อพิจารณาถึงรายละเอียดของฝาหลังให้มากขึ้น ฝาหลังใช้วัสดุเป็นหนัง Vegan ที่มีข้อดีทั้งการให้ฟีลลิ่งการสัมผัสที่นุ่มมือ มีความพรีเมียม และไม่มีรอยนิ้วมือเวลาสัมผัสอีกด้วย โดยจะมีการเว้นแถบคาดตรงกลางเครื่องที่สลักข้อความ “Xtreme Imagination” เอาไว้ ไอเดียแถบคาดตรงนี้เป็นการเพิ่มความพรีเมียมและหรูหราให้ตัวเครื่องครับ ซึ่งเรียกว่าแถบ “Skyline” ได้เช่นกัน เพราะความเงางามของแถบนี้จะตัดกับสีดำด้านของฝาหลังได้อย่างดี อีกจุดที่เว้นเอาให้เป็นสีแบบเงางามก็คือโลโก้ vivo ด้านล่างเครื่องครับ

ด้านบนยังใช้ดีไซน์แบบ Choker พร้อมสลักคำว่า “Professional Photography” ซึ่งถือเป็นเอกลักษณ์การออกแบบของ vivo X Series ที่ต้องมีทุกรุ่นครับ

ตัวเครื่องมีน้ำหนักค่อนข้างเยอะเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนๆ โดยมีน้ำหนักอยู่ที่ 214.9 กรัม และความหนาของตัวเครื่องอยู่ที่ 9.3 มม. โดยโมดูลกล้องหลังถือว่าหนาพอตัวเลย สาเหตุก็มาจากเซนเซอร์กล้องขนาดใหญ่นี่แหละครับ แม้น้ำหนักจะเยอะ แต่ทำบาลานซ์น้ำหนักมาได้ค่อนข้างดีเลยทีเดียวครับ

ในกล่องจะมีเคสใสแถมมาให้ด้วยครับ โดยขอบเคสจะสูงเลยขอบกล้องมาเล็กน้อยให้เวลาวางมือถือแล้วกล้องไม่สัมผัสกับพื้นโดยตรง

หน้าจอ AMOLED ขอบโค้งที่มาพร้อมโหมดสี ZEISS Natural Tone

หน้าจอของ vivo X90 Pro 5G ใช้หน้าจอ AMOLED แบบขอบโค้งขนาด 6.78 นิ้ว ติดฟิล์มมาให้เรียบร้อยแล้วจากโรงงาน เป็นหน้าจอที่มีคุณภาพสูงทีเดียวครับ แสดงผลสีได้ 10 bit รองรับ HDR10+ มีความละเอียดอยู่ที่ 2,800 x 1,260 พิกเซล ซึ่งเราสามารถลดความละเอียดเป็น Full HD+ ได้ด้วยเพื่อประหยัดพลังงาน

รีเฟรชเรทของหน้าจออยู่ที่ 120 Hz ซึ่งสามารถสลับเป็น 60 Hz ได้อัตโนมัติตามคอนเทนต์ที่แสดงผล ความสว่างสูงสุดทำได้ถึง 1,300 nits ทำให้สามารถใช้งานกลางแดดได้อย่างไม่มีปัญหา นอกจากนั้นยังถูกจูนสีสันมาให้มีความผิดเพี้ยนที่น้อยมากๆ ครับ

โหมดสีของหน้าจอรุ่นนี้มีทั้งหมด 4 โหมดด้วยกัน โหมดหลักที่ตั้งมาจากโรงงานคือโหมดมาตรฐานโหมดถัดไปคือโหมดสว่าง ที่จะเร่งความสว่างและสดใสของหน้าจอให้ไปถึงขีดสุดที่หน้าจอสามารถทำได้ อีก 2 โหมดที่เหลือต้องบอกว่าน่าสนใจมากครับ โหมดแรกคือโหมดโปร โหมดนี้จะปรับสีตามขอบเขตสี sRGB เหมาะสำหรับคนที่ใช้มือถือในการทำงาน เพราะเป็นสีที่ตรงกับแสดงบนเว็บไซต์ต่างๆ ซึ่งตัวนี้เราสามารถปรับอุณหภูมิสีได้ด้วย แต่ที่เด่นที่สุดต้องยกให้โหมด ZEISS Natural Color เป็นโหมดสีที่ปรับมาให้ตรงกับสีของกล้องหลัง ทำให้ภาพที่แสดงบนหน้าจอตรงกับภาพจริงที่ออกมาครับ

กล้องระดับโปร มาร่วมกับเซนเซอร์ 1 นิ้ว

มาพูดถึงส่วนสำคัญของสมาร์ทโฟนรุ่นนี้กัน ก็คือกล้องนั่นเองครับ สำหรับกล้องหลังใช้เซ็ตอัพกล้องแบบ 3 ตัว ประกอบด้วย

  • กล้องหลัก 50MP f/1.75, (IMX989), 1 Inch-type, OIS
  • กล้องมุมกว้าง 12MP f/2.0 (IMX663)
  • กล้องเทเล 50MP f/1.6 (IMX758) ซูม 2 เท่า, OIS

โดยกล้องหลังทุกตัวได้รับการเคลือบสารโค้ตติ้ง ZEISS T* ในการประมวลภาพจะมีชิปประมวลผลภาพ vivo V2 ทำงานควบคู่กับชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 9200 ซึ่งชิป vivo V2 จะมีหน้าที่ทำการแทรกเฟรมวิดีโอ ประมวลผลภาพและวิดีโอแบบ High Dynamic Range (HDR) และลด Noise ครับ มาพร้อมสี ZEISS Natural Color ที่ให้สีธรรมชาติ

ขนาดเซนเซอร์กล้องใหญ่ที่เป็นขนาด 1″ ซึ่งเทียบเท่ากับกล้องคอมแพ็คไฮเอนด์ในยุคปัจจุบันทำให้ภาพมีเนื้อไฟล์และเก็บรายละเอียดต่างๆ ได้ดีแม้ว่าแสงน้อย อีกจุดเด่นของเซนเซอร์ขนาดใหญ่คือระยะหน้าชัดหลังเบลอหรือที่ภาษากล้องเรียกว่า Depth of Field ทำให้เกิดภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอได้ง่ายโดยไม่ต้องใช้ซอฟต์แวร์ช่วย อย่างภาพด้านล่างนี้ไม่ได้ใช้โหมดพอร์ตเทรตช่วยในการสร้างภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอเลย

กล้องตัวที่สองคือกล้องซูม 2 เท่า หรือที่ vivo เรียกว่ากล้อง Portrait เนื่องจากระยะกล้องตัวนี้จะเทียบเท่าระยะ 50 มม. ของกล้องแบบ Full-frame ซึ่งเป็นระยะที่นิยมใช้ในการถ่ายภาพพอร์ตเทรตกัน ด้วยขนาดของเซนเซอร์ที่ให้มาและระยะซูมของกล้องทำให้สามารถเกิดภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอแบบไม่ต้องใช้ซอฟต์แวร์ช่วยได้ง่ายๆ หากใช้ร่วมกับโหมด Portrait ของ vivo เองจะเพิ่มความสามารถและความสวยงามไปอีกขั้นเลย โดยสามารถทำภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอเพิ่มเติมด้วยซอฟต์แวร์ ซึ่งพอฮาร์ดแวร์ทำงานได้ดีอยู่แล้ว ตัวซอฟต์แวร์ก็จะทำงานได้ง่ายและดูไม่หลอกตาครับ

ด้วยประสิทธิภาพของเซนเซอร์ทั้งกล้องหลักและกล้องรองและชิป vivo V2 แม้จะถ่ายในที่แสงน้อยก็ยังให้ภาพที่มีสีสันสดใสอยู่ครับ โดยภาพด้านล่างถ่ายในสถานที่ Indoor ช่วงพระอาทิตย์ตกแล้ว อาศัยเฉพาะไฟในร้านเท่านั้น

อีกสิ่งที่ vivo X90 Pro 5G ทำได้ดีคือการทำภาพ HDR ที่ทำสมดุลแสงออกมาได้ดี และจะเห็นว่าจัดการแสงแดดที่ส่องลงบนหน้านางแบบได้ดี สามารถเก็บรายละเอียดของภาพโดยยังรักษาแสงที่ส่องบนใบหน้าไว้ได้

ด้วยความร่วมมือกับ ZEISS ทำให้ vivo มีสไตล์ภาพพิเศษที่นำเอกลักษณ์ของเลนส์ ZEISS ในซีรีส์ต่างๆ มาแต่งเติมลงในภาพครับ โดยจะมีเอฟเฟกต์เลนส์ให้เลือก 4 ตัวด้วยกัน ตัวแรกคือ ZEISS Biotar ที่ให้โบเก้รูปวงรีแบบหมุนวน

ตัวที่สองคือ ZEISS Planar ที่ให้โบเก้ทรงทรงรีคล้ายกับ Biotar แต่จะดูกลมว่าเล็กน้อย

ตัวที่สามคือ ZEISS Sonnar ที่ให้โบเก้กลมสวยงาม และเข้ากับภาพที่ต้องการการเบลอหลังมากๆ

ตัวสุดท้ายคือ ZEISS Distagon ที่ให้โบเก้ทรง 8 เหลี่ยม เป็นเอฟเฟกต์ที่เมื่อเจอกับไฟดวงเล็กๆ จำนวนมากจะออกมาสวยมาก

อีกเอฟเฟกต์จาก ZEISS คือเอฟเฟกต์ Cine Flare ที่เติมแสงแฟลร์แบบเลนส์ Cine ของ ZEISS ลงในภาพ แม้ตามปกติแสง Flare จะเป็นเหมือนจุดด้อยของเลนส์ แต่มันก็ช่วยทำให้ภาพออกมาดูมีเสน่ห์กว่าภาพสะอาดๆ ครับ ซึ่งเอฟเฟกต์นี้ถ้าเราเลือกจัดองค์ประกอบดีๆ เล็งให้เป็นมุมที่ย้อนแสง เพื่อให้ดูเหมือนแหล่งกำเนิด Flare ภาพก็จะออกมามีเสน่ห์ทีเดียวครับ

เอฟเฟกต์จากเลนส์ Cine ของ ZEISS ไม่ได้มาแค่แสงแฟลร์ แต่มาพร้อมสไตล์ถ่ายภาพแบบ Cinematic ที่ให้ภาพสัดส่วน 21:9 แบบภาพยนตร์ พร้อมเอฟเฟกต์สีและการเบลอหลังเฉพาะตัว

นอกจากนี้อินเทอร์เฟซกล้องยังมีเครื่องมือที่ช่วยในการถ่ายภาพแบบในกล้องใหญ่ เช่น ระดับน้ำที่ทำให้เรามั่นใจว่าภาพของเราจะไม่เอียง เส้นขอบฟ้าตรง และช่องกริดเก้าช่องที่ช่วยในการจัดองค์ประกอบภาพครับ

มีระบบโฟกัสติดตามที่จับได้ทั้งวัตถุ ใบหน้า และดวงตา

สำหรับการถ่ายวิดีโอของรุ่นนี้ สามารถถ่ายวิดีโอได้ความละเอียดสูงสุดที่ 8K@24FPS เลยทีเดียว โดยจะได้เฟรมภาพแบบ Cinematic และยังเลือกใช้ 24 FPS แบบภาพยนตร์อีกด้วย แต่หากต้องการเฟรมภาพแบบ 16:9 จะถ่ายสูงสุดได้ที่ 4K@60FPS ครับ

สำหรับกล้องหน้า vivo X90 Pro 5G มีความละเอียด 32 ล้านพิกเซล f/2.45 โดยรอบนี้สามารถใช้สไตล์ภาพ ZEISS กับกล้องหน้าได้ด้วยครับ

ลำโพงคู่สเตอริโอ และระบบเสียง Hi-Fi

อีกจุดน่าสนใจของรุ่นนี้คือระบบเสียงของ vivo X90 Pro 5G มาพร้อมกับลำโพงสเตอริโอ ระดับความดังเสียงอยู่ในเกณฑ์ดี และยังมีฟีเจอร์ที่เพิ่มเข้ามาพิเศษเกี่ยวกับเสียงพอสมควรเลย ดังนี้

ความละเอียดเสียงสูงพิเศษ ฟีเจอร์นี้จะเพิ่มคุณภาพเสียงคุณภาพต่ำในไฟล์เสียงและไฟล์วิดีโอให้มีคุณภาพสูงขึ้น

Hi-Fi โหมดนี้จะใช้ชิปเสียง DAC ในเครื่องในการแปลงสัญญาณเสียงในกรณีที่นำมือถือไปต่อหูฟังหรือลำโพง เพื่อให้ได้เสียงที่ดีที่สุด โดยสามารถเลือกแอปที่ต้องการใช้งานโหมด Hi-Fi ได้

การปรับแต่งประสบการณ์ในการฟัง ปรับแต่งเสียงให้เข้ากับเรามากที่สุด โดยมีฟีเจอร์เด่นคือถ้าใช้ร่วมกับหูฟัง vivo จะสามารถเลือกโปรไฟล์ตามหูฟังรุ่นนั้นๆ ได้เลย

ประสิทธิภาพเรือธง

ด้านประสิทธิภาพของ vivo X90 Pro 5G ใช้ชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 9200 ตัวนี้เราลองเทสต์ Antutu ได้ 1,211,871 คะแนน แรม 12 GB พร้อมฟีเจอร์ Extended RAM 3.0 ดึงพื้นที่ภายในเครื่องมาเป็นแรมจำลองได้อีก 8 GB พื้นที่เก็บข้อมูล 256 GB มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 4,870 mAh

ในการเล่นเกม vivo X90 Pro 5G จะมีโหมด Ultra Game Mode ที่ช่วยปรับแต่งเครื่องให้เหมาะสมในการเล่นเกมมากที่สุด เช่น ปิดการแจ้งเตือน ปฏิเสธสายเรียกเขา ปิดการปรับแสงหน้าจออัตโนมัติ เร่งประสิทธิภาพเครื่อง เป็นต้น

ใน Ultra Game Mode จะมีการตั้งค่าที่น่าสนใจอีก 4 ฟีเจอร์ครับ ฟีเจอร์แรกคือการสั่น 4 มิติ เมื่อเปิดใช้งานกับเกมที่รองรับ ระบบสั่นในตัวเครื่องจะทำงานผสานกับเหตุการณ์ที่เกิดในเกม เช่น ยิงปืน หรือ มีศัตรูเดินอยู่ใกล้ๆ เป็นต้น

ฟีเจอร์ถัดมาคือ โหมดอีสปอร์ต เมื่อเปิดโหมดนี้จะเป็นการปรับสภาพการตั้งค่าเครื่องให้เป็นไปตามที่นักแข่งอีสปอร์ตปรับครับ

โหมดที่ 3 คือ การควบคุมการเคลื่อนไหว โหมดนี้จะทำให้เราแปลงการเคลื่อนไหวของเครื่องมาแทนการกดปุ่มต่างๆ ครับ ไม่ว่าจะเป็นการเอียงเครื่อง จนถึงดึงเครื่องเข้าหาตัวหรือดันออกจากตัวก็ได้

โหมดสุดท้ายคือการตั้งค่าการควบคุม ที่สามารถตั้งค่าความไว้ในการควบคุมให้เหมาะสมกับเราได้ครับ

งานนี้เลยทดสอบด้วยการเล่นเกม Call Of Duty: Mobile โดยปรับการใช้ประสิทธิภาพเครื่องใน Ultra Game Mode เป็น BOOST สามารถเปิดภาพในเกมกราฟิกสูงสุดทุกอย่างได้แบบสบายๆ ทำการเล่นเกมต่อเนื่องเป็นเวลา 50 นาที ตัวเกมยังลื่นไหลเหมือนเดิมตลอดการเล่นเกม ฝาหลังอุ่นขึ้นเล็กน้อยเท่านั้น ส่วนแบตเตอรี่ลดลงไป 10% ถือว่าทำได้น่าประทับใจครับ

อีกหนึ่งการทดสอบคือการนำไปถ่ายรูปที่ใช้ประกอบในรีวิวนี้ ซึ่งใช้เวลาประมาณ 2 ชม. มีทั้งถ่ายในห้องแอร์และกลางแจ้ง ใช้แบตเตอรี่ไป 24% ครับ ความร้อนตัวเครื่องค่อนข้างเยอะ ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากอากาศที่ค่อนข้างร้อนด้วย แต่ไม่ส่งผลต่อความลื่นไหลและเอฟเฟ็กต์จากกล้องแต่อย่างใด

สำหรับการชาร์จแบตกลับเข้าเครื่อง vivo X90 Pro 5G สามารถชาร์จไฟเข้าเครื่องได้ 2 ทาง ทางแรกคือผ่านพอร์ต USB-C ที่ด้านล่างเครื่อง ซึ่งตัวนี้เป็น USB-C 3.2 Gen 1 ด้วยครับ รองรับชาร์จเร็ว 120W ซึ่งหัวชาร์จ 120W มีแถมมาให้ในกล่องเรียบร้อยแล้วเป็นแบบ USB-C หรือจะใช้การชาร์จแบบไร้สายก็ได้ โดยรุ่นนี้รองรับการชาร์จไร้สายที่ 50W ครับ

สรุป vivo X90 Pro 5G กล้องโปรในมือคุณ

vivo X90 Pro 5G เป็นสมาร์ทโฟนที่มีจุดเด่นด้านกล้องที่สืบสานตำนาน X Series ได้อย่างสมภาคภูมิ เซนเซอร์กล้องหลักขนาด 1 นิ้ว ให้ประสิทธิภาพการถ่ายรูปและจัดการ Noise อย่างดีเยี่ยมทั้งกลางวันและกลางคืน กล้องพอร์ตเทรต 2 เท่าที่มีรูรับแสงกว้างถึง f/1.6 ทำให้การถ่ายภาพพอร์ตเทรตได้เอฟเฟกต์หน้าชัดหลังเบลอที่สมจริง ผสานกับสไตล์ภาพพิเศษจาก ZEISS ที่ช่วยสรรค์สร้างภาพออกมาแบบไม่เหมือนใคร ด้านการใช้งานอื่นๆ หมดกังวลด้วยประสิทธิภาพของชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 9200 ผสานกับชิป vivo V2 ทำให้การใช้งานลื่นไหลทั้งใช้งานทั่วไปและเล่นเกม โดดเด่นเรื่องการจัดการความร้อน นอกจากนั้นยังสามารถเติมพลังงานกลับเข้าเครื่องได้อย่างรวดเร็วด้วยหัวชาร์จ 120W ที่แถมมาในกล่องอีกด้วย รับรองว่าไม่ผิดหวังกับรุ่นนี้อย่างแน่นอน

vivo X90 Pro 5G วางจำหน่ายแล้วในราคา 39,999 บาท สามารถหาซื้อได้ทาง vivo Brand Shop ทุกสาขาและตัวแทนจำหน่ายตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วประเทศ รับฟรีของแถม

  1. EVIP Card : ประกันหน้าจอแตก 2 ปี 1 ครั้ง + ประกันตัวเครื่อง 2 ปี มูลค่า 10,999 บาท
  2. แท่นชาร์จไร้สาย (vivo 50W Vertical Wireless Flash Charger) มูลค่า 2,999 บาท

vivo Official Store
LAZADA: s.lazada.co.th/s.jJHQj?cc
Shopee: https://shope.ee/8zbDdQEp8x
vivo Online Store: https://g.vivo.com/AUS