ก่อนอื่น ต้องขอแนะนำสีผิวตัวเองก่อนว่า พลอยเป็นคนผิวขาว (ใช้รองพื้น Estee Lauder Double Wear สี 1W1 Bone และรอบพื้น YSL All Hours LN1 ค่ะ) เผื่อคุณผู้อ่านจะได้เทียบสีได้ว่าโทนสีผิวเราใกล้เคียงกันไหม และหากใช้ลิปสีเดียวกับพลอยแล้วจะออกมาเป็นอย่างไร เนื่องจากเฉดของสีผิว มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของโทนสีลิปสติกค่ะ
ส่วนตัวพลอยเป็นคนชอบลิปสติกและเครื่องสำอางค์สีเอิร์ธโทน โทนสีธรรมชาติ หรือโทนสีกุหลาบค่ะ เพราะส่วนตัวเป็นคนชอบดอกกุหลาบอยู่แล้ว กับรู้สึกว่าแต่งหน้าง่าย และดูเป็นธรรมชาติดี แต่แน่ล่ะว่าธรรมชาติของเราไม่เท่ากัน ของพลอยนี่จะชอบให้สีปากมันดูเข้ม ๆ ก่ำ ๆ ขึ้นมานิดหนึ่ง เพราะมักจะมีความรู้สึกไปเองว่าถ้าสีปากมันอ่อนไปเราจะรู้สึกป่วย อารมณ์เดียวกับปากไม่แดงไม่มีแรงเดินยังไงยังงั้น และวันนี้พลอยจะมีรีวิวลิปสติกโทนสีกุหลาบที่พลอยใช้เองอยู่ค่ะ สำหรับคนที่ชอบแต่งหน้าโทนธรรมชาติ รีมฝีปากสีชมพูตุ่น ๆ
อ้อ ตามจริงมีอีกสีด้วยค่ะ แต่ลืม Swatches นั่นก็คือ Dior Addict Lip Glow 006 Berry เดี๋ยวรีวิวเพิ่มให้ล่างสุดค่ะ
เดี๋ยวรีวิวให้ดูตามลำดับนะคะ
1. Rare Beauty Lip Soufflé Matte Lip Cream สี Confident
สัมผัสแรก: เป็นลิปสติกเนื้อครีมนุ่ม ออกแนวมูส กลิ่นหอมแบบผู้ดี ๆ ตอน Swatches บนแขนดูสีเข้ากับผิวมาก แต่พอทาบนปากแล้วรู้สึกว่ามันลอยไปนิดหนึ่ง ต้องผสมกับ Chanel Allure Ink Fusion 812 Rose Rouge ค่ะ จึงค่อยดูเข้ากับผิวขึ้นมาหน่อย
การใช้งานจริง: ไม่ค่อยติดทน กินข้าวหลุดง่าย และติดแมสก์ ถ้าอยากให้ติดทนขึ้นแนะนำให้ทาทับประมาณ 2 เลเยอร์ โดยการทาทีละชั้นและรอให้ลิปแห้ง หลังจากนั้นเอาแป้งโปร่งแสงปัดทับ แล้วเม้มกับทิชชู่สัก 1 รอบ เพื่อให้ติดทนมากกว่าการทาเพียงครั้งเดียวเพียว ๆ แต่ถ้าใครต้องการแค่ความเบาสบาย สีสันอ่อนหวาน ไม่แคร์ถ้ามันจะหลุดบ่อย ก็ทาแบบเบลนด์ ๆ ได้ ให้ฟีลปากธรรมชาติสีนี้ตั้งแต่เกิด
ไม่แนะนำสำหรับผู้ที่มีริมฝากแห้ง เพราะจะเป็นก้อนแข็ง ๆ เกาะชัดเจนมาก สำหรับคนที่รู้ว่าตัวเองเป็นคนปากแห้ง ควรทำให้ปากชุ่มชื้นอยู่เสมอโดยการมาสก์ปาก สครับปาก และทาลิปบาล์ม ลิปมัน หรือลิปออยล์เพื่อคงความชุ่มชื้นให้ริมฝีปากอยู่เป็นประจำ
พิกัดสินค้า: Sephora Online
2. Dior Addict Lip Tint No-Transfer สี 351
สัมผัสแรก: แพ็คเกจสวย สีน่ารักมาก ไม่ว่าจะ Swatches บนแขน หรือบนปากก็สวย หวาน ลูกคุณหนู เรื่องราวดี ๆ เวอร์
การใช้งานจริง: ตัวข้างบนว่าหลุดง่ายแล้ว อันนี้หลุดง่ายกว่า ไม่ต้องพูดถึงเรื่องรอให้แห้งแล้วทาทับ เพราะถ้าทำเทคนิคเดียวกับวิธีด้านบน เนื้อลิปมันจะจับตัวเป็นก้อนเหนียว ๆ และหากยิ่งพยายามซับส่วนเกินออกยิ่งพัง แต่ข้อดีคือเป็นลิปที่ทาแล้วให้ความรู้สึกเย็นสบายไปทั้งปากในระยะหนึ่ง กลิ่นหอมละมุน ๆ บวกกับสีที่ต้องยอมรับว่ามันสวยจริง ๆ ให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติอย่างยิ่งสำหรับใครที่ต้องการลุคส์แบบ Makeup No Makeup หรือความรู้สึกว่ามีริมฝีปากสีเดียวกับเจ้าหญิงสาวน้อยสดใสบริสุทธิ์วิ่งเล่นในทุ่งหญ้า
เห็นแบบนี้ สำหรับใครที่ปากแห้งถือว่าทาได้นะ เพราะ Finish Look ไม่ได้แมท แต่จะเป็นเนื้อ Liqiud ให้ความชุ่มชื้นมากกว่า
พิกัดสินค้า: Sephora Online
3. RARE BEAUTY Soft Pinch Liquid Blush สี Encourage
สัมผัสแรก: ชิ้นนี้พลอยใช้เป็นทั้งบลัชและลิปสติก เนื่องจากสีเขาดีงามมาก ๆ จนอดใจไม่ไหว และแน่นอนว่าพิกเมนต์สีของเขาคือแน่นสมคำร่ำลือมากค่ะ จิ้มจุดเดียวคือปาดได้ทั้งแก้มเลย
การใช้งานจริง: ไม่ว่าจะเป็นทั้งบลัชคือลิปสติกก็ไม่ติดทนเท่าไหร่ ตัวบลัชนี่จะค่อนข้างหลุดง่าย อาจต้อง Finish ด้วยแป้งโปร่งแสงเพื่อให้เม็ดสีติดทนนานขึ้นอีกหน่อย อีกอย่างหนึ่ง ความมห้ศจรรย์ของสิ่งนี้คือไม่มีกลิ่นค่ะ แปลกใจเหมือนกันที่เครื่องสำอางไม่แต่งกลิ่นแบบนี้เรากกลับชอบมากกว่าสีที่ปรุงหอม ๆ อาจเพราะกลิ่นมันไม่ตีกันด้วยแหละ ส่วนตัวถ้าใครรู้สึกชอบ ถูกใจสีจริง ๆ พลอยก็แนะนำให้ซื้อนะ สินค้าเค้าคุณภาพเค้าดีจริง ๆ ค่ะ
พิกัดสินค้า: Sephora Onilne
4. Chanel Allure Ink Fusion 812 Rose Rouge
สัมผัสแรก: ซื้อเพราะสีเขาดูสดใส บาร์บี้ ตอนเดินไปซื้อคือแจ้งพนักงานว่าขอรุ่นที่ติดทนมาก ๆ เลยได้เจ้าตัวนี้มาค่ะ
การใช้งานจริง: ติดทนจริง! แม้ไม่ได้ใช้เทคนิคอะไรที่ทำให้ติดทนขึ้น และทาทับก็จะดูหนาขึ้น ติดทนมากขึ้นไปอีก แต่ไม่จับตัวเป็นก้อน กลิ่นหอมคลาสสิค ตัวจิ๋ว ๆ แต่ใช้งานได้ยาวนาน พกพาสะดวก
จะทาแบบ Full Coverage, ทาเป็นทินท์ หรือทาแบบเบลนด์ให้ฟุ้ง ๆ ก็ดูดีไปหมด ด้วยเนื้อลิปสติกของรุ่นนี้ที่ทาแล้วจะแห้งสนิทเนียนไปกับเนื้อปาก เอานิ้วถูก็ไม่หลุด ไม่เหนียวติดกันเป็นแผ่น ทำให้ทาทับกับลิปสติกได้หลากหลายรูปแบบ และเข้ากับสีลิปสติกได้ตามที่เราอยากจะเบลนด์
พิกัดสินค้า: Chanel Thailand
5. Etude Fixing Tint Bar 02 Clear Berry
สัมผัสแรก: สำหรับรุ่นนี้เปิดมาครั้งแรกคือลิปแยกตัวเองออกมาเสี้ยวนึง ไม่แน่ใจว่าเกิดจากการขนส่งหรือเปล่า เนื้อลิปค่อนไปในทางแห้ง สีค่อนข้างตรงปกกว่าภาพโฆษณาของยี่ห้ออื่น ๆ
การใช้งานจริง: กลิ่นหอมจาง ๆ มีเอกลักษณ์ ติดทนในระดับหนึ่ง ทานข้าว ดูดน้ำ สีลิปจะหลุดออกตามปกติแต่สามารถเติมเพิ่มได้ เมื่อทาทับกันจะมีความจับตัวเป็นก้อน แต่ไม่ได้ดูน่าเกลียด ใครจะใช้ลิปรุ่นนี้ควรบำรุงริมฝีปากที่ชุ่มชื้นพอสมควรและไม่แห้ง เพื่อที่จะให้ได้พิกเมนต์ที่แน่นและสีสันสดใส ตรงปก
พิกัดสินค้า: Konvy.com
6. CHANEL LE ROUGE DUO ULTRA TENUE 59 Shocking Pink
สัมผัสแรก: พิกเมนต์สีแน่นมาก เหนียว เกลี่ยยาก ต้องรีบเกลี่ย ตัวกลอสไม่เหนียว ไม่เยิ้ม
การใช้งานจริง: สีสวย ติดทนนานสมคำร่ำลือ เป็นรุ่นที่หลุดยากที่สุดในบรรดาลิปสติกที่เรามี วิธีการใช้งานคือทาฝั่งทีเป็นสีก่อน เกลี่ยให้สวยตามที่ต้องการและทิ้งไว้ให้แห้ง หลังจากนั้นทากลอสทับ เพราะถ้าไม่ทากลอสทับปากคุณจะเหนียวและลิปจะหลุด จะทาแบบ Full Coverage, ทาเป็นทินท์ หรือทาแบบเบลนด์ให้ฟุ้ง ๆ ก็ดูดีเช่นกัน แต่สำหรับเรา สีนี้ค่อนข้างลอยออกมาเหมือนเปิดไฟนีออน ต้องผสมกับ Chanel Allure Ink Fusion 812 Rose Rouge ถึงลงตัว
พิกัดสินค้า: central.co.th
7. Dior Addict Lip Glow006 Berry
สัมผัสแรก: แพ็คเกจจิ้งดูแพง แข็งแรง เนื้อนุ่มเนียนสวย กลิ่นหอมแบบผู้ดี สีหวาน
การใช้งานจริง: ตัวนี้เราชอบใช้เป็นลิปบำรุงริมฝีปากก่อนทาทินท์ หรือใช้เป็นตัวบำรุงก่อนนอน เพราะให้การบำรุงที่ดีมากและสีก็สวย สำหรับใครที่อยากได้ฟีลแต่งหน้านอน หรือยั่วแฟนสวย ๆ ฟีลสาวใสบริสุทธิ์ แนะนำให้ทาตัวนี้ (แต่เราไม่เคยใช้ทายั่วแฟน ต่างคนต่างนอนเวอร์ ทำงานเยอะ ง่วง) และเราไม่ใช้เป็นลิปตัวหลักเพื่อทาออกไปนอกบ้านเด็ดขาดสีหลุดง่ายมาก ความติดทนไม่ต้องพูดถึง หลุดกระจาย แต่ก็ไม่เคยเสียดายที่ซื้อมานะ คือมันก็ดีของมัน
พิกัดสินค้า: central.co.th