cropped-cropped-edtaro-logo-2.jpg

#ซื้อไรดี คู่มือเลือกซื้อ iPad รุ่นไหนเหมาะกับคุณ ฉบับปี 2023

  • Tech, ซื้อไรดี
  • เผยแพร่เมื่อ 2 months ที่ผ่านมา

snookerman

ถ้าพูดถึงแท็บเล็ต ทุกคนจะนึกถึง iPad ก่อนเป้นอันดับแรก อันที่จริงหลายคนเรียกแท็บเล็ตว่า iPad ด้วยซ้ำ ตอกย้ำความเ)้นที่สุดของแท็บเล็ต ไม่ว่าจะการใช้งานที่ลื่นไหล แอปมากมาย ซอฟต์แวร์ที่ตอบโจทย์ทั้งเรียน เล่น ทำงาน นอกจากนั้นยังมีหลายรุ่นให้เลือกแบบสุดๆ จนหลายคนก็อาจจะคิดไม่ตกว่าจะซื้อรุ่นไหนดี รุ่นไหนน่าซื้อ รุ่นไหนเหมาะกับการใช้งานของเรา เดี๋ยววันนี้ผมจะมาแนะนำว่าควรซื้อไรดีครับ

1. iPad Gen 9: งบประหยัดสายเริ่มต้น ตอบโจทย์นักเรียนนักศึกษา

iPad รุ่นราคาถูกสุดที่เราแนะนำ สำหรับคนงบจำกัดที่ต้องการ iPad ไว้ใช้งาน โดยรุ่นนี้จะยังใช้งานดีไซน์แบบเก่าที่มีปุ่ม Home อยู่ มาพร้อมหน้าจอขนาด 10.2 นิ้วแบบ Retina Display ใช้ชิป A13 Bionic ที่ใช้บน iPhone 11 พอร์ตชาร์จไฟยังเป็นพอร์ต Lightning อยู่ กล้องหลัง 8MP ถ่ายวิดีโอ 1080P (รุ่นใหม่ๆ จะเป็นกล้อง 12MP ถ่ายวิดีโอ 4K) ถ้าซื้อรุ่นใส่ซิมได้จะรองรับแค่ 4G (รุ่นใหม่ๆ เป็น 5G) ส่วน Wi-Fi จะเป็น Wi-Fi 5, Bluetooth 4.2แต่ก็ถือว่าเพียงพอต่อการใช้งาน สามารถซื้อ Smart keyboard และ Apple Pencil Gen 1 มาใช้ร่วมกันได้ ซึ่งราคก็จะถูกกว่าอุปกรณ์เสริมสำหรับรุ่นอื่นๆ

Apple iPad Gen9

เริ่มต้น 11,900 บาท
✅จอ 10.9 นิ้ว Retina
✅ชิป A13 Bionic
✅Wi-Fi / 4G
✅รองรับ Smart keyboard + Apple Pencil (Gen 1)
⚠️ดีไซน์เก่า
⚠️พอร์ต Lightning
⚠️ลำโพงสเตอริโอแนวตั้ง

2. iPad Mini: แรงจอเล็ก

รุ่นถัดมาได้ความคุ้มค่าด้านประสิทธิภาพ แต่มาในเครื่องไซซ์มินิ จอ 8.3″ Liquid Retina ชิป A15 Bionic ที่ใช้บน iPhone 13 รองรับ Apple Pencil Gen2 ส่วนคีย์บอร์ดไม่มีของตัวเอง แต่สามารถซื้อคีย์บอร์ด Bluetooth ที่แบรนด์อุปกรณ์เสริมต่างๆ ทำมาใช้ได้ครับ พอร์ตชาร์จเป็น USB-C 3.1 Gen 1

Apple iPad Mini 6

เริ่มต้น 19,900 บาท
✅จอ 8.3 นิ้ว Liquid Retina 500 nits
✅ชิป A15 Bionic
✅Wi-Fi / 5G
✅USB 3.1 รุ่นที่ 1 (สูงสุด 5Gb/s)
✅รองรับ Apple Pencil (Gen 2)
⚠️ไม่มีของตัวเอง แต่สามารถซื้อคีย์บอร์ด bluetooth ที่แบรนด์อุปกรณ์เสริมต่างๆ ทำมาใช้ได้

3. iPad Air: รุ่นที่สมดุลที่สุดในทุกด้าน

รุ่นนี้เป็นรุ่นที่มีความสมดุลที่สุดและเป็นรุ่นที่เราแนะนำที่สุดเช่นกัน มาพร้อมหน้าจอขนาด 10.9 นิ้ว Liquid Retina ใช้ชิป Apple M1 ซึ่งเป็นชิปสำหรับ Mac ใช้งานลื่นๆ ทุกรูปแบบการใช้งาน รองรับ Apple Pencil Gen 2 และ Magic Keyboard และพอร์ตชาร์จเป็น USB 3.1 รุ่นที่ 2 (สูงสุด 10Gb/s) ด้วย

Apple iPad Air 5

เริ่มต้น 19,900 บาท
✅จอ 10.9 นิ้ว Liquid Retina 500 nits
✅ชิป M1
✅Wi-Fi / 5G
✅USB 3.1 รุ่นที่ 2 (สูงสุด 10Gb/s)
✅รองรับ Magic keyboard + Apple Pencil (Gen 2)

4. iPad Pro M2: ตัวท็อปสำหรับมือโปร

เป็น iPad ที่ท็อปสุดในทุกด้าน สำหรับมืออาชีพที่ต้องการประสิทธิภาพสูงที่สุดสำหรับงานเฉพาะทาง มี 2 ขนาดหน้าจอคือ 11 นิ้ว จอเป็น Liquid Retina ความสว่างสูงสุด 600 nits และ 12.9″ จอเป็น Liquid Retina XDR เป็น ProMotion ทั้งคู่ ชิปเซ็ต Apple M2 กล้องหลังคู่ 12MP + 10MP (มุมกว้าง) พอร์ตเชื่อมต่อเป็น USB 4 ลำโพง 4 ตัว รองรับ Magic Keyboard และ Apple Pencil Gen 2 ทั้งคู่

Apple iPad Pro 11″ M2

เริ่มต้น 32,900 บาท
✅จอ 11 นิ้ว Liquid Retina 600 nits ProMotion
✅ชิป M2
✅ลำโพง 4 ตัว
✅กล้องหลัง 12MP + 10MP
✅Wi-Fi / 5G
✅USB 4 (สูงสุด 40Gb/s)
✅รองรับ Magic keyboard + Apple Pencil (Gen 2)

Apple iPad Pro 12.9″ M2

เริ่มต้น 41,300 บาท
✅จอ 12.9 นิ้ว Liquid Retina XDR 600 nits ProMotion
✅ชิป M2
✅ลำโพง 4 ตัว
✅กล้องหลัง 12MP + 10MP
✅Wi-Fi / 5G
✅USB 4 (สูงสุด 40Gb/s)
✅รองรับ Magic keyboard + Apple Pencil (Gen 2)