คำถามยอดฮิตที่หลายคนถาม ระหว่าง Huawei Mate 20
เรือธงตัวล่างสุดช่วงปลายปีกับ Huawei P20 Pro
เรือธงตัวท๊อปรุ่นต้นปีที่ราคาใกล้เคียงกัน จะเลือกอะไรดี
เนื่องจากผมมีโอกาสได้ใช้ทั้งสองรุ่นนี้พร้อมกัน 1 อาทิตย์เต็มๆ
จะมาเล่าให้ฟัถึงจุดดีจุดด้อยของแต่ละรุ่นครับ
หน้าจอใหญ่เบิ้ม ควบคุมง่ายด้วย Gesture
หน้าจอของ Mate 20 มีความเหนือกว่าเรื่องความใหญ่ เต็มตากว่า
แถมมีติ่งหน้าจอเล็กกว่า ขอบจอก็บางกว่า
และไม่มีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือมาอยู่ด้านหน้าให้กินพื้นที่
มันเลยดูเต็มตาสะใจมาก แต่ด้วยความใหญ่ของหน้าจอ
การใช้งานมือเดียวออกจะยากนิดนึง
ตัวผมเองที่มือค่อนข้างใหญ่ยังไม่สามารถเอื้อมนิ้วโป้งไปแตะขอบจอด้านซ้ายได้
สร้างความลำบากให้การเล่นเกมบางเกมเหมือนกัน
แต่การใช้งานทั่วไปพอมีปุ่มนำทางแบบ Gesture
ก็ทำให้การควบคุมเครื่องสามารถทำได้ง่ายๆ
ง่ายระดับที่ผมชินจนพยายามไปสไลด์ขอบจอกับ P20 Pro อยู่บ่อยๆ
แต่สิ่งที่แพ้ P20 Pro คือชนิดจอที่ P20 Pro เป็นจอ OLED ในขณะที่ Mate 20
เป็น IPS LCD สีสัน ความเที่ยงตรงจึงสู้ไม่ได้
และเวลาปิดติ่งจะไม่เนียนเท่าของ P20 Pro แต่เมื่อออกกลางแดด จอของ Mate 20 สามารถสู้แดดได้ดีกว่า มองจอง่ายกว่าพอสมควร
เสียงดี มีรูหูฟัง
เรื่องเสียงเป็นสิ่งที่ผมไม่ได้เทสต์มากนัก ขึงไม่สามารถบอกอะไรได้เท่าไหร่
แต่ที่น่ๆ คือ Mate 20 มีช่องหูฟังด้วย ทำให้เสียบหูฟังมีสายง่ายกว่า
ต่อไมค์ภายนอกก็ง่าย มีวิทยุ FM ด้วย
ประสิทธิภาพทรงพลังด้วย Kirin 980
Kirin 980 ใน Mate 20 นั้นเหนือกว่า Kirin 970 ใน P20 Pro จริงๆ
เครื่องลื่นมาก ไร้อาการสะดุดไม่ว่าจะใช้งานอะไรก็ตาม
ตรงนี้เป็นสิ่งที่เหนือกว่ามากๆ
Dual GPS แม่นยำทุกโค้ง
Dual GPS ใน Mate 20 แม่นยำและรวดเร็วมาก ใช้เวลาในการจับตำแหน่งน้อยกว่าแบบรู้สึกได้
กล้องเซ็ตอัพใหม่ มาพร้อมกล้อง Ultrawide และ Super Macro
สำหรับถ่ายรูปในระดับลง Social Network ในเวลากลางวัน ผมชอบภาพที่ได้จาก Mate 20
มากกว่า ทั้งกล้องมุมกว้าง Ultra Wide
ที่ไม่มีอาการบิดบี้ยวของภาพที่ทำให้การถ่ายภาพวิวง่ายกว่าเดิม
หลากหลายกว่าเดิม ระยะโฟกัสที่ใกล้กว่าเดิมทำให้ถ่ายสิ่งของเล็กๆ
ได้ง่ายขึ้น แถมมี Super Macro ที่สามารถโฟกัสได้ในระยะแค่ 2 ซม. เท่านั้น
เอาไว้ถ่ายมาโครได้แบบที่หาบนกล้องมือถือตัวอื่นๆ ไม่ได้
อีกส่วนที่ชอบมากๆ คือ Bokeh ที่ทำได้หลากหลายแบบกว่า P20 Pro
ตรงนี้ทำให้การถ่ายรูปสนุกขึ้นเยอะ โดยเฉพาะ Swirling Bokeh
ที่แอดชอบเป็นการส่วนตัวมานาน
ด้านสีสันเองก็มีการเปลี่ยนแปลงเช่นกัน ซึ่งแอดชอบสีสันภาพของ Mate 20
มากกว่า P20 Pro แต่ตรงนี้ขอให้เป็นเรื่องของรสนิยมของแต่ละคนละกัน
แต่พอความมืดมาเยือน ต้องยอมรับว่า P20 Pro ทำได้ดีกว่าจริงๆ ภาพมี Noise
น้อยกว่าเยอะ แต่ภาพี่ได้จาก Mate 20 เองก็จัดอยู่ในเกณฑ์ดี ใช้งานได้
แถมใช้ Night Mode ได้ทุกเลนส์ด้วย
สำหรับการถ่ายแสงยากๆ เช่น การถ่ายย้อนแสง หลายคนกลัวว่า Mate 20
จะทำได้ไม่ดี เรื่องนี้ก็ไม่ต้องห่วง สามารถเก็บภาพได้สบายๆ
หรือภาพไหนที่สู้แสงไม่ไหวจริงๆ ก็สามารถแก้ได้ด้วยการใช้ Night Mode
สิ่งที่ P20 Pro ชนะคือการซูมที่สามารถซูมแบบไม่สูญเสียรายละเอียดได้ถึง 5 เท่า ในขณะที่ Mate 20 ซูมได้แค่ 2 เท่าเท่านั้น
วิดีโอที่เสริมพลังด้วย AI
วิดีโอเป็นสิ่งที่ Mate 20 ได้รับการอัปเกรดขึ้นมาอย่างมาก
ไม่ว่าจะเป็นกันสั่นที่นิ่งกว่าเดิม รวมถึงโหมดต่างๆ
ทั้งโหมดดูดสีและโหมดหน้าชัดหลังเบลอ เรียกว่าเหนือกว่าเห็นๆ เลย
ฝาหลังแบบใหม่ ไร้รอยนิ้วมือ
สำหรับ Huawei Mate 20 รุ่นที่ผมได้รับมาทดสอบเป็นรุ่นฝาหลังน้ำเงินลายแถบ จุดเด่นของาหลังแบบนี้คือรอยนิ้วมือไม่ติดเครื่องเลย ทำให้คนที่ชอบใช้เคสฝาหลังใสและเปลี่ยนเคสบ่อยๆ แบบผมไม่จำเป็นต้องระวังไม่ให้มือไปแตะโดนฝาหลังเวลาเปลี่ยนเคส
การกันน้ำที่แตกต่างกันพอสมควร
Huawei Mate 20 สามารถกันได้เพียงละอองน้ำหรือฝนเบาๆ เท่านั้น แต่ Huawei
P20 Pro สามารถกันน้ำได้ระดับ IP67 นำลงน้ำได้ลึก 1 เมตรเป็นเวลา 30 นาที
ซึ่งผมก็ไม่แนะนำให้นำลงน้ำเท่าไหร่
แต่ก็ช่วยให้เราสบายใจเวลาทำน้ำหกใส่มือถืออะไรแบบนี้
สรุป
Huawei Mate 20 มีการอัปเกรดให้เหนือกว่า Huawei P20 Pro ในหลายๆ ด้าน ทั้งการใช้ชิปเซ็ต Kirin 980 ที่ทั้งแรงกว่า เร็วกว่า ประหยัดพลังานมากกว่า กล้องที่ปรับปรุงทั้งด้านภาพนิ่งและวิดีโอ โดยเฉพาะความสามารถในารถ่ายภาพ Ultra wide ที่ไร้ความบิดเบี้ยวของภาพทำให้การสร้างสรรค์ภาพเป็นเรื่องที่สนุกกว่าเดิม