รีวิว Samsung Galaxy C9 Pro สเปคดี แบตทน แรมเยอะสะใจ จอใหญ่ไซส์บิ๊ก

Samsung เปิดตัวสมาร์ทโฟนตระกูล Galaxy C สมาร์ทโฟนบอดี้โลหะด้วยรุ่น C5
และ C7 ในประเทศจีนไปเมื่อช่วงกลางปีที่แล้ว (2016) ซึ่งทาง Samsung
ได้วางตำแหน่งสมาร์ทโฟนรุ่นนี้ไว้ในระดับกลางด้วยช่วงราคาหมื่นต้น ๆ
ไปจนถึงช่วงราคาหมื่นกลาง ๆ ค่อนไปทางปลาย แต่เดิมนั้น Samsung
ขายสมาร์ทโฟนตระกูล Galaxy C ในประเทศจีนเป็นหลักแต่ในภายหลังก็ได้ส่ง
Galaxy C9 Pro
ที่เปิดตัวในประเทศจีนไปเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมามาขายในประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วย

ภาพของสมาร์ทโฟนตระกูล Galaxy C ไล่จากซ้ายไปขวาได้แก่ C5, C5 Pro, C7, C7 Pro และ C9 Pro

สำหรับประเทศไทยนั้นจะนำเข้ามาจำหน่ายเพียง 2 สีนั่นก็คือสีดำและสีทอง
เปิดราคาอยู่ที่ 16,990 บาท วางจำหน่ายที่ Samsung Experience Store
(ซัมซุงแบรนด์ช็อป) เท่านั้น

Specifications

  • ขนาดตัวเครื่อง 162.9 x 80.7 x 6.9 มิลลิเมตร
  • น้ำหนัก 189 กรัม
  • รองรับการใช้งาน 2 ซิม (Nano-SIM, dual stand-by)
  • จอ Super AMOLED ขนาด 6.0 นิ้ว ความละเอียด 1080 x 1920 พิกเซล รองรับ Always On Display พร้อมกระจก Corning® Gorilla® Glass 4
  • ระบบปฏิบัติการ Android 6.0.1 (Marshmallow)
  • ชิปเซ็ต Qualcomm MSM8976 Snapdragon 653
  • หน่วยประมวลผล Octa-core (4×1.95 GHz Cortex-A72 & 4×1.4 GHz Cortex-A53)
  • หน่วยประมวลผลกราฟฟิก Adreno 510
  • รองรับ microSD สูงสุด 256 GB
  • RAM 6 GB
  • หน่วยความจำภายใน 64 GB
  • กล้องหลังความละเอียด 16 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.9 มาพร้อมระบบ phase
    detection autofocus และ dual-LED flash ถ่ายวิดีโอความละเอียดสูงสุด 1080p
    ที่ 30fps
  • กล้องหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.9 ถ่ายวิดีโอความละเอียดสูงสุด 1080p
  • ลำโพงคู่ stereo
  • มีช่องเสียบหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร
  • Bluetooth 4.2
  • มี NFC
  • USB Type-C 1.0
  • มีเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือ

Materials & Design

ด้านหน้าก็จะเป็นดีไซน์แบบที่ทุกคนคุ้นเคย
ขอบจอดูบางมากเพราะด้วยความที่เครื่องมีขนาดจอใหญ่ถึง 6
นิ้วและมีอัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่องอยู่ที่ประมาณ 75.5%
เวลาใช้งานมีอาการเลื่อนแล้วไม่ไปบ้างเป็นบางครั้งเพราะว่าฝ่ามือไปสัมผัสถูกบริเวณขอบจอ

วัสดุฝาหลังเป็นโลหะพื้นผิวสัมผัสแบบ Brushed Aluminum
ด้านบนและด้านล่างมีเส้นเสาสัญญาณพาดผ่านจากขอบด้านหนึ่งไปบรรจบกับอีกด้านหนึ่ง

ขอบเครื่องด้านซ้ายมีปุ่ม Volume สำหรับเพิ่มและลดเสียง

ขอบเครื่องด้านขวามีช่องใส่ซิมการ์ด กับ microSD และปุ่ม Power

สำหรับขอบด้านล่างช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. ก็ยังคงอยู่กับเราเช่นเคย
ไม่โดนตัดออกไปไหน พอร์ตเชื่อมต่อเป็นแบบ USB Type-C ตามสมัยนิยมแล้ว
ส่วนขวาสุดนั้นเป็นลำโพงตัวที่ 2
ถ้าใครอ่านถึงตรงนี้แล้วสงสัยว่าลำโพงตัวแรกมันอยู่ตรงไหน คำตอบก็คือ…

อยู่ด้านบนนั่นเอง ลำโพงด้านบนไม่ใช่แค่ลำโพงสนทนาเท่านั้น
แต่มันสามารถใช้งาน Media Audio ได้เช่นกัน
เวลาดูหนังฟังเพลงก็จะทำงานคู่กับลำโพงด้านล่างเป็นลำโพง Stereo

Software

Samsung Galaxy C9 Pro มาพร้อมกับ Android 6.0.1 ซึ่งไม่รู้ว่าจะได้อัพเดตเป็น Android 7.0 เมื่อไหร่

หน้าตา Launcher ก็มาในแบบฉบับของ Samsung ไอคอนเป็นแบบขอบมน จะกลมก็ไม่กลม จะเหลี่ยมก็ไม่เหลี่ยม มีเลขขึ้นให้บนไอคอนของแอปพลิเคชั่นที่มีการแจ้งเตือน

ในส่วนของ Status bar ถ้าลากลงมาหนึ่งครั้งจะโชว์ Quick setting 5 อย่างและ Notification ถ้าลากยาวลงมาก็จะเป็น Quick setting ทั้งหมดซึ่งสามารถกดเข้าไปตั้งค่าจากหน้านี้ได้เลย ใช้งานได้สะดวกดี

ในส่วนของ Notification จะแยกมาให้เป็นแอปฯว่ามีแอปฯไหนแจ้งเตือนบ้าง พอกดเข้าไปก็จะเป็นรายละเอียดว่าแจ้งเตือนอะไรบ้างซึ่งในส่วนนี้ชอบมากเลยทีเดียวเพราะมันไม่รกปนกันมั่วซั่วไปหมด ใช้งานสะดวกดี

หน้า Setting หลักเป็นสีขาวดูสะอาดตา

มี Device maintanance ไว้คอยเช็คแบตเตอรี่ ความจุ Ram กับระบบรักษาความปลอดภัยของเครื่องได้

Ram

มาถึงเรื่อง Ram กันบ้าง อันนี้เรียกว่าเป็นไฮไลท์หลักเลยก็ว่าได้เพราะ
Samsung Galaxy C9 Pro นั้นพก Ram มาเยอะจุใจถึง 6 GB!!!
หลังจากใช้งานมาได้ระยะนึงทำให้เห็นข้อดีของสมาร์ทโฟนที่มี Ram
เยอะเลยว่ามันดียังไง
ถ้าเราปิดการทำงานของแอปพลิเคชั่นทั้งหมดก็จะพบว่าระบบใช้ Ram ไป 1.9 GB
เหลือ Ram ให้ผลาญมากถึง 3.8 GB ซึ่งระบบจะสงวน Ram ไว้ 303 MB
เพื่อป้องกันเครื่องค้าง

Performance

ขอยกหัวข้อนี้มาเขียนตรงนี้เลยเพราะว่าการที่ C9 Pro พก Ram มาเยอะถึง 6 GB
ทำให้การเปิดแอพลิเคชั่นไว้พร้อมกันมาก ๆ ไม่ทำให้เครื่องช้าลงแต่อย่างใด
จากรูปด้านบนซ้ายสุดจะเป็นการทดลองเปิดแอปต่าง ๆ ที่อยู่ในเครื่องพร้อม ๆ
กันทั้งหมดซึ่งก็ยังเหลือ Ram ให้บริโภคอยู่อีก 2.2 GB
และยังสามารถสลับการใช้งานแอปพลิเคชั่นต่าง ๆ
ได้อย่างสะดวกเพราะแทบไม่เจออาการแอปปิดตัวลงเองเพราะ Ram เต็ม

ชิปเซ็ต Snapdragon 653 จับคู่กับ Ram 6 GB เพียงพอต่อการใช้งาน
สามารถเล่นเกมได้อย่างลื่น ๆ ไม่มีปัญหา เปิดใช้งานแอป 2
หน้าจอก็ไม่มีอาการหน่วงหรือช้าลงแต่อย่างใด

ไหน ๆ
พูดถึงเรื่องเกมแล้วก็ขอย้อนกลับมาดูที่แอปพลิเคชั่นที่ติดมากับตัวเครื่องบ้าง
รีวิวนี้จะขอพูดถึง 2 แอปฯที่น่าสนใจ นั่นก็คือ Game Launcher กับ Secure
Folder

Game Launcher

Game Launcher เป็นแอปฯ ที่จะนำเกมทั้งหมดที่มีอยู่ในเครื่องมาจัดเก็บไว้ในที่เดียวกัน โดยความสามารถของ Game Launcher มีดังนี้

  • ปิดการแจ้งเตือนขณะเล่นเกม
  • ล็อคปุ่ม Capacitive ย้อนกลับและแอปฯ ล่าสุด
  • ล็อคการสัมผัสหน้าจอ
  • แคปภาพหน้าจอ
  • อัดวิดีโอขณะเล่นเกม
เมื่อกดใช้งาน Game Launcher ครั้งแรกก็จะโชว์คำอธิบายตามภาพ
 
หน้าตาของ Game Launcher ขณะที่กำลังเปิดเกมอยู่
 

Secure Folder

Secure Folder แอปฯ
นี้จะเป็นเสมือนพื้นที่ลับในตัวเครื่องซึ่งแยกออกมาจากพื้นที่ปกติ
โดยการที่จะเข้ามาใน Secure Folder
ได้นั้นต้องทำการใส่รหัสผ่านหรือสแกนลายนิ้วมือก่อน
ซึ่งการที่จะเจาะเข้ามาในนี้นั้นทำได้ค่อนข้างยากเพราะมันทำงานร่วมกับ Knox
ระบบรักษาความปลอดภัยขั้นสุดยอดของ Samsung ที่ยังไม่เคยมีใครแฮ็คได้

โดยความสามารถของ Secure Folder ก็จะมีดังนี้ครับ

  • ปกป้องข้อมูลที่เรา
    ในกรณีเราไม่ต้องการให้มีคนภายนอกเข้ามายุ่งกับข้อมูลส่วนตัวของเรา
    เราก็จัดการลากมาเก็บไว้ในนี้สะไม่ว่าจะเป็น รูปภาพ แอปฯ บันทึกความจำต่าง ๆ
    และอื่น ๆ อีกมากมาย
  • ล็อคแอปพลิเคชั่นต่าง ๆ
  • ใช้งาน 2 บัญชีในแอปพลิเคชั่นต่าง ๆ บนเครื่องเดียวกัน
    อันนี้เป็นอะไรที่เป็นประโยชน์มากเพราะทำให้เราไม่จำเป็นต้องพกมือถือ 2
    เครื่อง แค่ลงแอปฯ ที่ต้องการจะใช้งานเพิ่มอีก 1 บัญชีลงใน Secure Folder
    เพียงเท่านี้คุณก็สามารถใช้งานได้ 2 บัญชีในเครื่องเดียว
    เหมาะกับคนที่ค้าขายบน Social Network ต่าง ๆ หรือต้องการแยกบัญชี Social
    ระหว่างเรื่องส่วนตัวกับที่ทำงาน
    รวมไปถึงคนที่มีกิ๊กแล้วไม่อยากให้แฟนของคุณจับได้ (อันนี้ไม่แนะนำนะครับ
    ไม่ดี ๆ)

Display

หน้าจอของ C9 Pro เป็นจอ Super AMOLED ขนาด 6.0 นิ้ว ความละเอียด 1080 x 1920 พิกเซล

สามารถเปิดตัวกรองแสงสีฟ้าเพื่อถนอมสายตาได้ หน้าจอมีอยู่ 4 โหมดคือ

  • Adaptive display จอจะปรับสี แสง ความคมชัดให้เหมาะสมกับเนื้อหาที่กำลังเปิดดูอยู่
  • AMOLED cinema จอจะปรับให้สีสันสดใสและสว่าง เหมาะกับเวลาดูหนัง
  • AMOLED photo จอจะปรับให้สีอยู่ในพิกัดสีธรรมชาติ เหมาะกับการเปิดดูรูปภาพ
  • Basic ไม่มีการปรับแต่งสีสันใด ๆ

 มีโหมด Always On Display มาให้ด้วย โดยจะแสดงผลวันที่และเวลา แบตเตอรี่
เพลงที่กำลังเล่น และการแจ้งเตือนต่าง ๆ
ซึ่งในส่วนนี้สามารถไปตั้งค่าเพิ่มเติมได้อีกเยอะเลยครับ

และด้วยขนาดจอที่ใหญ่ถึง 6 นิ้วก็ต้องมีสิ่งนี้ติดมาด้วย นั่นก็คือ
One-handed operation สามารถย่อพื้นที่ใช้งานบนจอให้เล็กลงได้โดยการกดปุ่ม
Home ติดกัน 3 ครั้ง

นอกจากนี้ยังสามารถย่อขนาดคีย์บอร์ด แป้นพิมพ์สำหรับโทรออก หน้าจอรับสาย เครื่องคิดเลข และหน้าปลดล็อคหน้าจอได้ด้วย

อีกหนึ่งความดีงามก็คือแบ่ง 2 หน้าจอเพื่อเล่นแอปฯ 2 แอปฯ ในเวลาเดียวกัน
ด้วยความที่จอมีขนาดใหญ่ทำให้ไม่รู้สึกเกะกะเวลาต้องใช้งาน 2 แอปฯ ไปพร้อม ๆ
กัน นอกจากนี้ยังสามารถย่อขยายได้อย่างอิสระและสลับหน้าจอบนล่างได้อีกด้วย

Sound

เรื่องเสียงยังไม่ได้ทดสอบแบบละเอียดมากนัก
แต่เสียงจากลำโพงและหูฟังก็จัดว่าใช้ได้ ลำโพงคู่สเตริโอเสียงค่อนข้างดัง
Equalizer มีให้ตั้งค่า 2 แบบคือแบบ Basic และ Advance
แต่โหมดที่ผมลองแล้วประทับใจมากที่สุดคือ Concert hall
เวลาเปิดแล้ว soundstage จะกว้างขึ้นมากครับ

Camera

มาดูที่กล้องหลังกันก่อน

โหมดกล้องดูเรียบง่าย ปัดไปทางขวามือจะเป็นโหมดต่าง ๆ ปัดไปด้านซ้ายมือจะเป็นฟิลเตอร์

ความละเอียดของกล้องหน้าและหลังจะเท่ากันที่ 16 ล้านพิกเซล รูรับแสงขนาด f/1.9 ถ่ายวิดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุด 1080p

กลับมาดูที่โหมดกันบ้าง น่าเสียดายที่ปรับได้แค่ White balance ISO และชดเชยแสง

ตัวอย่างภาพจากกล้องหลัง
 
 

หลังจากดูภาพตัวอย่างไปเห็นอะไรแปลก ๆ
ไหมครับ…ถ้ายังไม่เห็นผมเฉลยเลยละกัน
ไฟที่ลุกบนถ่านในเตาปิ้งย่างมันเป็นสีม่วงสะงั้น? ทำเอาสะผมงงตาแตก
(ภาพถ่ายด้วยโหมดอัตโนมัติ)

มาดูที่กล้องหน้ากันบ้าง

 
 
 
 ตัวอย่างภาพจากกล้องหน้า
 
 
ขอบคุณภาพเซลฟี่งาม ๆ จาก Pitchayatida Wongpunyo 
 
 
ไหน ๆ พูดถึงกล้องแล้วก็ขอพูดถึงฟีเจอร์นึงใน gallery ของ Samsung หน่อย ต้องบอกว่าชอบมากเพราะมันเป็นอะไรที่สะดวกมาก ๆ สำหรับคนชอบถ่ายภาพแนว Stop Motion
 
 
มันคือการสร้างภาพเคลื่อนไหวนั่นเอง
โดยสามารถนำภาพที่เราเลือกมาทำเป็นภาพเคลื่อนไหวได้ ปรับอัตราส่วน ความไว
ใส่ลายน้ำได้ แล้ว Export ออกมาเป็นไฟล์ .gif ครับ บอกเลยว่าสะดวกมาก
 
 

Battery

ตามภาพเลยครับ ไปเที่ยวทะเล 2 วันไม่ได้ชาร์จแบตแม้แต่นิดเดียว
กลับถึงกรุงเทพแบตยังเหลือ ๆ ใช้งานเล่นเฟส เล่นโซเชี่ยลทั่ว ๆ ไป
ถ่ายรูปเป็นส่วนใหญ่ ต่อบลูทูธเปิดเพลงตอนกลางคืน อยู่ได้สบาย ๆ ถึง 2 วัน
ถ้าใช้งานหนักหน่อยก็อาจจะต้องชาร์จวันละครั้ง
 

Overall

ถ้าพูดถึงในภาพรวมผมมองว่า Galaxy C9 Pro
ถือว่าเป็นสมาร์ทโฟนน่าใช้เครื่องนึง จริงอยู่ที่ว่าค่าตัว 16,990
บาทสำหรับแบรนด์จากประเทศจีนอาจจะให้สเปคที่ดีกว่าแต่ว่าการบริการอื่น ๆ
เช่น Galaxy Gift และฟีเจอร์เฉพาะตัวสำหรับ Samsung ก็ให้มาไม่น้อย
การใช้งานโดยทั่ว ๆ ไปถือว่าดีไม่มีอะไรติดขัด C9 Pro
ทำให้รู้เลยว่าสมาร์ทโฟนที่ให้ Ram มาเยอะนั้นมีข้อดีอย่างไร
ข้อดีผมก็ชมไปข้างบนหมดแล้วก็ขอพูดถึงข้อเสียบ้างนิดหน่อย C9 Pro
จัดว่าเป็นสมาร์ทโฟนที่หาซื้อได้ค่อนข้างยากเพราะวางจำหน่ายแค่ที่ Samsung
Experience Store เท่านั้น
ในส่วนของตัวเครื่องก็จะมีที่สแกนลายนิ้วมือค่อนข้างติดยากในบางจังหวะและต้องคอยทำความสะอาดบ่อยครั้ง
ใช้ไปสักพักขึ้นเตือนเซนเซอร์สกปรกบ่อยมาก ขอบจอค่อนข้าง sensitive
กับการสัมผัส บางทีเผลอไปแตะโดนนิดหน่อยจนทำให้เลื่อนจอไม่ไป กล้องโหมด Pro
ตั้งค่าต่าง ๆ ได้น้อย และอีกจุดนึงคือเรื่อง software
จริงอยู่ที่ว่าเปิดตัวค่อนข้างช้าแต่ควรจะเป็น Android เวอร์ชั่น 7.0
มาตั้งแต่โรงงานได้แล้ว ในส่วนนี้ก็ต้องรอดูกันต่อไปว่าจะได้อัพเป็น 7.0
หรือกระโดดข้ามไปเป็น 8.0 เลยหรือไม่

สุดท้ายนี้ขอสรุปในภาพรวมเลยว่า ถึงจะมีข้อติอยู่บ้างแต่ Samsung Galaxy C9 Pro ก็เป็นสมาร์ทโฟนรุ่นนึงที่น่าคบหาครับ