รีวิว Tonkatsu AOKI ร้านที่ทำแต่ทงคัตสึจนเป็นผู้เชี่ยวชาญ

หากคุณเป็นผู้ชื่นชอบเมนูทงคัตสึแล้ว Tonkatsu AOKI คือร้านที่คุณห้ามพลาดเด็ดขาด เพราะนี่คือเซ็นมงเต็นด้านทงคัตสึ ซึ่งหมายถึงร้านที่เชี่ยวชาญและเน้นเฉพาะศิลปะในการทำทงคัตสึแบบต้นตำรับญี่ปุ่นอย่างแท้จริง

ไม่เคยคิดมาก่อนว่าหมูทอดจิ้มเกลือจะอร่อยได้ขนาดนี้ …แต่ถ้าชอบแบบซอสทงคัตสึก็มีให้เหมือนกัน

เริ่มต้นความอร่อยจากหมู SPF ที่ปลอดภัย

Tonkatsu AOKI เลือกใช้เนื้อหมู SPF ( Specific Pathogen-Free ) ที่เลี้ยงในระบบปลอดเชื้อ ผ่านการรับรองมาตรฐานสากล ทำให้สะอาด ปลอดภัย ไร้สารตกค้าง โดยเลือกใช้เนื้อ 7 ส่วนคือ Hire, Rosu, Jo, Tokuro, Kata, Ribu, Tokuhire

หน้าตาดูธรรมดา แต่กินแล้วอุทาน “อื้อหือ!” ทั้งโต๊ะ

สิ่งแรกที่อยากชื่นชมเลยคือการทำรูปเล่มเมนูที่เข้าใจง่ายมาก ไม่ต้องเดาเองว่าเนื้อส่วนไหนจะมีคาแรกเตอร์ยังไง เพราะมีอธิบายบอกเลยว่าเนื้อส่วนนี้นุ่มแน่นยังไง มีไขมันแทรกรึเปล่า และมีความชุ่มฉ่ำ juiciness level เท่าไร ทำให้เราสามารถสั่งเมนูได้ถูกปากมากขึ้น

จุดเด่นพระเอกของร้านคือเมนู Kata ( หมูสันไหล่ ) ขนาด 300 กรัม ที่มีไขมันแทรกเยอะกว่าส่วนอื่น ทำให้มีความชุ่มฉ่ำ juiciness level เต็มหลอดที่ระดับ 8 ซึ่งถ้าไม่ติดขัดเรื่องงบก็แนะนำให้ลองครับ ราคา 890 บาท ซึ่งราคาจะโดดกว่าเมนูอื่นๆ ที่อยู่ราวๆ 300 บาท แต่คุ้มค่ามากครับ

และถ้าสังเกตจะเห็นว่าเค้ามีถ้วยเปล่ามาให้ 2 ใบ นั่นเพราะที่ร้านมีเกลือจากญี่ปุ่นให้เลือก 3 แบบ ให้เราได้ลอง ได้แก่

• Kuro Shio : AOKI Black Himalayan Salt
• Pinky Shio : AOKI Pink Himalayan Salt
• Shiro Shio : AOKI Sea Salt

ซึ่งทางร้านอยากให้เราลองเอาหมูจิ้มเกลือแค่นั้นก่อน เพราะมันจะดึงรสชาติของหมูออกมาได้ดีมาก อารมณ์คล้ายๆ เวลาเรากินสเต็กเนื้อดีๆ แค่ใส่เกลือก็อร่อยแล้ว ไม่ควรให้รสชาติซอสหรือสิ่งอื่นใดมากลบความอร่อยของตัววัตถุดิบ แต่ถ้าชอบแบบดั้งเดิมก็มีซอสราดทงคัตสึให้เราเลือกเหมือนกันครับ ในเซ็ตจะมาพร้อมกับข้าว ซุป และผักดอง ซึ่งเราสามารถเติมได้ครับ

และข้าวที่นำมาเสิร์ฟก็ไม่ใช่ข้าวทั่วไป แต่เป็นข้าว Koshihikari ที่ได้สมญานามว่า “ราชาแห่งข้าวญี่ปุ่น” ที่มาจากจังหวัดนีงาตะ ซึ่งขึ้นชื่อว่าปลูกข้าวได้มีคุณภาพดีที่สุดในญี่ปุ่น โดยจะมีความเหนียวนุ่มหวานละมุน และนำมาหุงในหม้ออบแรงดัน เหมาะกับการกินคู่กับทงคัตสึที่สุด

ในการรีวิวครั้งนี้เราได้ลองแทบจะทุกเมนู ซึ่งทีมงานก็ได้ลองกินด้วยวิธีต่างๆ แล้วพบว่าเนื้อที่ชุ่มฉ่ำที่สุดก็คือ Kata ( หมูสันไหล่ ) ที่แม้ภายนอกอาจดูแห้ง แต่เมื่อได้ลองกัดเข้าไปจะต้องตะลึงกับความนุ่มแน่นและชุ่มฉ่ำ ที่อร่อยแม้ไม่จิ้มอะไรเลย

แต่ไม่ใช่ว่า Cutting ส่วนอื่นๆ จะไม่อร่อยนะครับ แต่ละตัวก็มีคาแรกเตอร์ต่างกันออกไป แป้งกรอบและหมูนุ่มอร่อยทุกตัว และอีกส่วนที่เซอร์ไพรส์คือกลุ่มของเนื้อสันในที่มีไขมันน้อย แต่กลับให้ความตื่นตะลึงกับทีมงานเรา เพราะโดยทั่วไปแล้วเนื้อสันในจะเป็นส่วนที่นุ่มแต่ไร้มิติ แต่ด้วยกรรมวิธีการทำของ Tonkatsu AOKI ทำให้เนื้อส่วนนี้มีความนุ่มจากเนื้อ และความกรอบอร่อยจากแป้งด้านนอก ลงตัวมาก

นอกจากหมูแล้วเค้ายังมีกุ้งด้วยครับ ซึ่งกุ้งตัวใหญ่และเนื้อแน่นมาก เป็นสไตล์แป้งบาง ไม่ใช่ว่ากัดไปเจอแต่แป้ง เป็นอีกเมนูที่ประทับใจมาก

ซุป น้ำสลัด และผักดอง ก็ไม่ธรรมดา

หลายคนมองข้ามซุปเพราะเป็นเสมือนเครื่องเคียงที่ไม่เน้นมาก แต่ซุป Tonjiru ที่ดูธรรมดานี้กลับช่วยเติมเต็มให้อาหารมื้อนี้กลมกล่อมได้ ด้วยความหอมนุ่มของมิโสะที่ผสมเข้ากับซุปหมู พร้อมกับผักต่างๆ ทำให้ซดตัดรสได้เป็นอย่างดี

ในขณะที่ผักดองที่คนมักเอามากินแก้เลี่ยน ก็มีความเปรี้ยวเค็มกำลังดี รสชาติไม่โดดจนหยีตา คีบกินได้เพลินๆ แต่อีกส่วนที่เป็นไฮไลท์ก็คือน้ำสลัดที่มีให้เลือก 3 แบบ สำหรับราดบนกะหล่ำปลีหั่นฝอย ซึ่งทั้ง 3 ตัวสร้างความประทับใจให้ทีมงานต่างกัน

• Goma : น้ำสลัดงา หอมมันจากงาคั่ว กลมกล่อมนุ่มลึก
• Yuzu : น้ำสลัดส้มยูสุ เปรี้ยวนิดๆ หอมสดชื่น มวลเบาๆ
• Ume : น้ำสลัดบ๊วย มีความนัวและข้นกว่ายูสุ แบบเปรี้ยวอมหวาน

ทีมงานเราส่วนหนึ่งชอบ Ume ระดับที่ถูกใจมาก อีกฝั่งชอบ Yuzu ส่วนผมเองยังตัดสินใจไม่ได้ เพราะแต่ละตัวก็มีคาแรกเตอร์ที่ต่างกันอย่างชัดเจน

เจาะลึกคาแรกเตอร์เนื้อหมูแต่ละส่วน

Tonkatsu AOKI เลือกใช้หมูทั้งหมด 7 ส่วนด้วยกัน แต่ตัว Hero ชูโรงเลยจะมีอยู่ 4 ตัวที่ควรลอง

• Kata ( เนื้อหมูสันไหล่ ) ความชุ่มฉ่ำระดับ 8 เต็มหลอด มีความหวานจากตัวไขมัน และมีเพียง 1 ชิ้นต่อการ Cutting ส่วน BOSTON SHOULDER
• Jo ( เนื้อหมูสันนอกพรีเมี่ยม ) เป็นสันนอกที่อยู่ติดซี่โครง ทำให้มีความหวานของส่วนที่อยู่ใกล้กระดูก และยังได้ไขมันจากความเป็นสันนอก
• Tokuhire ( เนื้อหมูสันในพรีเมี่ยม ) เนื้อแน่นหวาน และนุ่มกว่าเนื้อสันในทั่วไป
• Ribu ( เนื้อหมูสันนอกคัดพิเศษ ) เป็นส่วนที่ติดกับซี่โครงทำให้มีรสที่เข้มข้น มีสัดส่วนไขมันและเนื้อแดงใกล้เคียงกัน เนื้อส่วนนี้จะมีแค่ 20 เสิร์ฟต่อวันเท่านั้น

และยังมีอีก 3 ส่วนที่แม้ว่าจะไม่ใช่ Hero Products แต่ก็อร่อยน่าลองเหมือนกัน

• Hire ( หมูสันใน ) ส่วนที่นุ่มที่สุดและไม่มีไขมัน
• Rosu ( หมูสันนอก ) มีไขมันแทรกเล็กน้อย ทำให้มีความนุ่มชุ่มฉ่ำ หอมมัน
• Tokuro ( หมูสันนอกส่วนสะโพก ) คล้าย Jo แต่คุณภาพสูงกว่า เป็นสันนอกที่อยู่ติดซี่โครง มีไขมันแทรกอย่างสมดุล

แกงกะหรี่ อีกเมนูที่อยากให้ลอง

นอกจากหมูทอดทงคัตสึที่โดดเด่นเป็นแกนหลักของร้าน ถ้าใครอยากลองเมนูอื่นบ้างก็มีข้าวแกงกะหรี่ให้เลือกครับ ตัวน้ำแกงจะมีความผสมผสานรสชาติระหว่างความหวานและความเป็นเครื่องเทศที่เผ็ดหน่อยๆ ต่างจากแกงกะหรี่ของญี่ปุ่นโดยทั่วไปที่จะหนักไปทางหวาน ทำให้เมนูนี้ก็น่าจะถูกปากคนไทยเหมือนกันครับ

ความเห็นส่งท้าย

การรีวิวในครั้งนี้ทางร้านได้เชิญให้เราไปลองก่อนวันเปิดขายจริง ซึ่งความน่ารักของทีมการตลาด Tonkatsu AOKI คือไม่มีการบรีฟใดๆ ให้เราเปลี่ยนแนวทางการรีวิวเลย ถ้าคิดเห็นแบบไหนก็เล่าได้ตามนั้น ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่เราต้องการและโหยหามาตลอดระยะเวลา 10 ปีจากร้านใหญ่

เพราะที่จริงแล้วทีมงานเราเริ่มต้นจาก NuaNia.com ในปี 2011 ซึ่งเป็นเว็บไลฟ์สไตล์ที่รีวิวอาหารเจ้าแรกๆ ของไทยเลย ที่ถูกเชิญไปรีวิวร้านอาหารต่างๆ หลายแห่ง เรียกได้ว่าโด่งดังในยุคนั้นสุดๆ และเราชอบการีวิวในยุคนั้นมาก เพราะทางร้านมีหน้าที่จัดแจงอาหารให้เรา และที่เหลือคือเราสามารถเลือกกินเลือกชิมได้ตามสไตล์ของเราเลย ไม่มีการเอาอาหารมองกองเต็มโต๊ะเพื่อให้ภาพดูสวยแล้วเหลือทิ้งแบบที่นิยมในยุคนี้ หรือเอา Creator หลายสำนักมารุมถ่ายจานเดียวกันจนผ่านมือไม่รู้กี่คนแล้วก็เอามาให้กิน ( ผมเลิกรีวิวสาย Food ไปพักใหญ่ และ Feedback กับทุกร้านที่ทำแบบนี้ )

ทีมงานเราไปรีวิวครั้งนี้ทั้งหมด 4 คน และไม่มีการสร้าง Food Waste ใดๆ เมนูหลักหมดเกลี้ยงทุกจาน ซึ่งเราพยายามจะรักษานโยบายนี้ของเราไว้ คือการได้ลองกินจริงและไม่เหลือทิ้ง ไม่ใช่แค่ถ่ายรูปสวยๆ แล้วรอให้อาหารเย็นชืดจนไม่รู้รสจนไม่สามารถเล่าได้ว่ามันอร่อยยังไง

ซึ่งทั้งหมดนั้นคือความประทับใจในแง่ของนโยบายฝ่ายการตลาดของ Tonkatsu AOKI ส่วนในแง่อาหารก็ต้องบอกว่าทำได้ดีมากครับ ส่วนตัวผมชอบ Kata ที่สุด แต่ความชอบมันเป็นเรื่องส่วนบุคคล ดังนั้นแต่ละคนก็อาจชอบต่างกัน มันเลยดีมากๆ ที่มีเนื้อคุณภาพดีให้เลือก 7 ส่วน ซึ่งผมอยากให้ทุกคนลองจิ้มกับเกลือดูก่อนครับ มันสามารถดึงรสของวัตถุดิบออกมาได้ดีแบบไม่เคยคิดมาก่อนว่าหมูจิ้มเกลือจะอร่อยได้ขนาดนี้