ดูเหมือนนี่จะเป็นปีทองของกล้อง Action Cam ที่ทั้งหน้าเก่าหน้าใหม่ก็แห่กันมาเล่นตลาดนี้ แต่ที่ยังไม่เปรี้ยงปร้างในบ้านเราก็คือ Mokacam ที่แม้ว่าไม่ค่อยมีคนพูดถึง แต่ประวัติเค้าไม่ธรรมดาเพราะเป็นโปรเจ็คที่ประสบความสำเร็จบน Indiegogo ด้วยยอดเงินลงขันถึง 1,035,392 USD คิดเป็นเงินไทยก็ราว 36,110,849 บาท ถือว่าทะลุเป้าถึง 1334% จนกลายเป็นโปรเจ็คที่โด่งดังในโลก startup ในช่วงเวลานั้น
Mokacam ชูจุดเด่นในเรื่องของความเป็นกล้อง 4K ที่ขนาดเล็กที่สุดในโลกและได้รับรางวัล reddot award 2015 กับแนวคิดแบบ “แม่เหล็ก” ที่สามารถต่อเสริมเพิ่มขยายผ่านระบบแม่เหล็ก และยังมีหน้าจอที่หมุนพลิกมาด้านหน้าได้อีกด้วย
เดิมทีการหาซื้อค่อนข้างยากลำบากเนื่องจากเป็นโปรเจ็คบน Indiegogo แต่ตอนนี้มีตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการในไทยก็ทำให้หาซื้อได้ง่ายขึ้น โดยมี 2 แพคเกจให้เลือกซื้อคือ
- Full Set ราคา 9,900 บาท
- Camera Only ราคา 7,000 บาท
รุ่นที่เราทำการทดสอบคือตัว Full Set ครับ สิ่งที่มีมาให้ในกล่องก็ครบครันพร้อมใช้จริงๆ เพราะมีตัวกล้อง, ฝาปิดเลนส์, สายชาร์จ, แบตเสริม, หน้าจอ, housing, housing สำหรับการต่อแบตเสริม, รีโมท และกล่องสำหรับพกพา
สเป็กกล้อง Mokacam ก็มีใจความสำคัญดังนี้
- ภาพนิ่งความละเอียดสูงสุด 16 ล้านพิกเซล
- คลิปวีดีโอความละเอียดสูงสุด 4K, 25 fps และ Full HD, 60 fps
- รูรับแสง f/2.8 มุมกว้าง 152 องศา
- มีระบบกันสั่น
- เชื่อมต่อผ่าน WiFi เข้ากับมือถือและรีโมท
- ขนาด 45x45x35 มม.
- น้ำหนัก 79 กรัม
- สี ดำ, ทอง, เงิน, ชมพู, น้ำเงิน
ตัวกล้องมีขนาดที่เกือบจะเป็นทรงลูกบาศก์ และมีปุ่มควบคุมเพียง 2 ปุ่มเท่านั้นคือ ปุ่ม Power ที่ทำหน้าเปิด-ปิดและถ่ายรูป/คลิป กับปุ่ม WiFi ที่ทำหน้าที่สลับโหมดถ่ายรูป/คลิป/ดูภาพ …อาจเป็นเพราะการออกแบบต้องการให้ทนทานเลยทำให้ปุ่มค่อนข้างแข็งเล็กน้อย ซึ่งปุ่ม Power ที่อยู่ด้านบนเป็นตำแหน่งที่กดได้ไม่ยาก แต่ปุ่ม WiFi ที่วางไว้ด้านข้างก็ค่อนข้างยากเล็กน้อย
ด้านล่างมีช่องสำหรับต่อเข้ากับขาตั้งกล้องได้โดยตรง และด้านข้างเป็นช่องใส่ microSD ซึ่งถ้าเป็นไปได้ก็ควรเลือกใช้ความจุไม่เกิน 64 GB กับความเร็วขั้นต่ำ U3 เพื่อให้การบันทึกคลิป 4K ทำได้อย่างลื่นไหล …ส่วนการเชื่อมต่ออื่นๆ ก็มีช่องสำหรับต่อหน้าจอและช่องแบบแม่เหล็กสำหรับต่อแบตเสริม
จุดที่น่าสนใจก็คือความอึดของแบตเตอรี่ที่มีมาให้ในตัวกล้อง 1,000 mAh ในแบตเสริมอีก 1,100 mAh และหน้าจอก็มีอีก 1,100 mAh …รวมกัน 3,200 mAh ถ้าคิดง่ายๆ ก็ความจุพอๆ กับมือถือเลยล่ะครับ ส่วน housing ระบุไว้ในสเป็กว่ากันน้ำได้ลึกถึง 60 เมตรและความดีงามของมันก็คือมีฝาหลังมาให้ 2 ขนาด เผื่อในกรณีที่เราต่อแบตเสริมเข้าไปด้วย
ส่วนของแบตเสริมที่ยึดติดกันด้วยแม่เหล็ก ซึ่งเป็นจุดเด่นที่ทาง Mokacam หยิบมาชูโรงก็สามารถต่อยอดอย่างอื่นได้อีก แม้ว่า ณ วันที่เขียนรีวิวชิ้นนี้ยังไม่มีอุปกรณ์เสริมจาก 3rd party ทำให้การใช้จริงมีเพียงแค่แบตเสริมเท่านั้นที่ใช้ร่วมกับการเชื่อมต่อนี้ แต่เพราะความเป็นแม่เหล็กเลยสามารถนำไปยึดติดกับวัสดุที่เป็นเหล็กแทนการใช้ขาตั้งกล้องได้ หรือจะประยุกต์ใช้แบบผมก็ได้… ด้วยการนำสายสะพายกระเป๋ามาคั่นกลางระหว่างกล้องและแบตเสริม
จุดเด่นอีกอย่างก็คือการต่อขยายหน้าจอที่หมุนพลิกมาด้านหน้าได้ ช่วยเพิ่มความสะดวกในการใช้งานไม่ว่าจะเป็นการ selfie หรือการถ่ายคลิปที่ง่ายขึ้น …ซึ่งผมยังไม่เห็นของแบบนี้จาก Yi หรือ GoPro และตัวหน้าจอก็มีปุ่มควบคุมสำหรับการตั้งค่าเมนูต่างๆ เช่น ตั้งค่ากันสั่น, timelapse, slow motion, motion detector, loop record, ตั้งค่าไฟสถานะ LED …ที่น่าสนใจเป็นพิเศษก็คือ motion detector ที่คู่แข่งไม่มี
จุดที่ขัดใจก็คือการหมุนฝาปิดเพื่อต่อหน้าจอไม่สามารถหมุนได้ด้วยมือเปล่า เท่าที่ลองสอบถามไปยังทีม Mokacam ได้คำตอบว่าเดิมทีต้องการชูจุดเด่นในความเป็นกล้อง 4K ที่เล็กที่สุดเลยมองหน้าจอเป็นแค่ส่วนเสริมที่ใช้ในการตั้งค่ามากกว่าจะใช้เป็น viewfinder แต่ยังโชคดีที่ว่าการหมุนฝาเปิดช่องนี้สามารถใช้เหรียญเงินหมุนออกได้
แม้ว่าจะสั่งงานผ่านมือถือได้แต่ก็คล้ายกับ Action Cam รุ่นอื่นๆ เพราะตัวแอพไม่สามารถเข้าถึงการตั้งค่าทุกอย่างได้ ถ้าต้องการจะตั้งค่าลึกๆ ต้องทำผ่านตัวกล้องโดยตรง …และก็อาจเป็นเพราะ Mokacam มีจุดกำเนิดจาก Indiegogo ซึ่งเป็น Startup ทำให้ Software ณ วันทดสอบดูไม่สวยเท่าไร และยังมีอะไรบางอย่างที่ดูแล้วงงอย่างเช่นความละเอียดกล้องที่ตั้งสูงสุดได้ 20 ล้านพิกเซล ซึ่งขัดแย้งกับสเป็กที่ระบุไว้ว่า 16 ล้านพิกเซล …แต่การสั่งถ่ายรูป/คลิปก็ทำได้ปรกติดี
รีโมทสามารถสลับโหลดระหว่างภาพนิ่งและคลิปได้ สั่งให้เริ่มถ่ายและหยุดได้ และยังมีปุ่มที่หน้าตาเหมือนแม่กุญแจที่ใช้บันทึกคลิปเหมือนกันเพียงแต่ไฟล์ที่ได้จะอยู่ในสถานะ Protect ที่ป้องกันการลบโดยไม่ตั้งใจ
ถ้าอยากจะเอาไปติดกับหมวกหรืออุปกรณ์ในเชิง Sport ก็มีตัว mount มาให้ด้วย… บอกแล้วว่ามาครบจริงๆ
ในวันแรกที่ได้มาลองใช้ก็ต้องยอมรับว่ามันทำเอาผมหงุดหงิดไม่น้อย เพราะตอนนั้น Software ยังมีปัญหาอยู่ ถ่ายคลิปยาวๆ แล้วค้าง ( ตอนหลังเค้าอัพเดทแก้แล้ว ) รวมถึงเรื่องปุ่มที่แข็งกดยากและการเปิดฝาต่อจอก็ไม่ง่าย แต่พอใช้ไปสักพักแล้วกลับรู้สึกชอบมันมากๆ เพราะมันเปิดเครื่องได้เร็วพอๆ กับ Yi 4K แต่มีหน้าจอที่หมุนได้ทำให้ถ่ายมุมแปลกๆ ได้ง่ายขึ้น และยังช่วยให้ตั้งกล้องถ่าย timelapse ได้โดยไม่ต้องกังวลหรือเดินไปเช็คหน้าจอหลังกล้องบ่อยๆ ว่าแบตหมดรึยัง เพราะสามารถมองเห็นหน้าจอได้ในขณะถ่าย
และหน้าจอที่ถอดออกได้ก็เหมาะสำหรับการติดตั้งในลักษณะที่สุ่มเสี่ยงกับการกระแทก อย่างเช่นติดไว้บนจักรยานหรือตัวรถที่อาจโดนเศษหินกระเด็นใส่หน้าจอ
ด้วยราคาขนาดนี้ที่มีมาให้ครบเช็ตจริงๆ แบบที่ไม่ต้องซื้ออะไรเพิ่ม ในขณะที่คู่แข่งอาจจะต้องซื้อรีโมทหรือฝาปิดเลนส์และกระเป๋าแยกต่างหาก ทำให้ Mokacam เป็นกล้อง Action Cam ที่แกะกล่องแล้วพร้อมลุยได้ทันที …และก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่าในราคาระดับนี้ก็ชนกับ Yi 4K โดยตรง ซึ่งก็คงต้องบอกว่ามันถูกออกแบบมาให้ใช้งานกันคนละประเภทเลยครับ
Yi 4K คล้ายกับกล้อง Compact ย่อส่วนที่สามารถกดจิ้มหน้าจอสั่งการได้ง่าย ถ้ากลัวแบตหมดก็ต้องเสียบ Power Bank แต่ Mokacam มีความเป็น Action Cam สูงกว่า มีการใช้งานที่ยืดหยุ่นหลากหลายกว่าทั้งการถอด/ใส่หน้าจอ การเพิ่มแบตเสริมหรือการนำไปติดกับเหล็ก
ถ้าคุณเป็นประเภทว่าเน้นง่ายเข้าว่า ไม่เน้นอุปกรณ์ ชอบพกตัวเดียวแบบหยิบแล้วพร้อมใช้ก็คงต้อง Yi 4K แต่ถ้าเน้นการประยุกต์ใช้ก็คงต้องเลือก Mokacam ล่ะครับ …แค่หมุนจอได้ก็โดนใจผมแล้ว และรุ่นนี้ก็สามารถเปิดโหมด Lens Distortion Correction ที่ช่วยลดความบิดเบี้ยวบริเวณขอบภาพ อันเนื่องมาจากมุมมองของกล้องที่กว้างมากๆ
ส่วนเรื่องของคุณภาพไฟล์ก็จัดว่าทำได้ดีไม่แพ้คู่แข่งทั้งภาพนิ่งและคลิปล่ะครับ
อ่อ… ถ้าสนใจแต่หาซื้อไม่ได้ สามารถสอบถามมายังเฟซบุ๊ค NuaNia ได้ครับ