รีวิว kabukichō 77 บุฟเฟต์ญี่ปุ่น อิซากายะ ชาบู ซาซิมิ

บังเอิญว่า kabukichō 77 เปิดสาขาใหม่ใกล้ 5 แยกวัชรพล อยู่ตรงข้ามออฟฟิศเราพอดี แบบนี้ไม่ให้ลองก็คงไม่ได้ ร้านนี้มีบุฟเฟต์ 2 ราคาคือ 713 บาท และ 1,189 บาท Net ยกเว้นต้องการเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก็ต้องจ่ายเพิ่ม

มีให้เลือก 2 ราคา

แพ็คเกจอาหารที่มีให้เลือกคือ 666+ บาท ( 713 บาท ) และ 1,111+ บาท ( 1,189 บาท ) โดยทั้ง 2 ราคาจะรวมเครื่องดื่มและของหวานทั้งหมด ยกเว้นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

ชุด 666+ จะมีชาบูเนื้อพรีเมี่ยม เนื้อ US เนื้อ AUS รวมถึงสารพัดซาซิมิ และของดองซอสทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น แซลมอนดอง กุ้งดอง ไข่ดอง และยังมีกลุ่มของเทปันยากิน และเมนูปิ้งย่างเสียบไม้

ส่วนชุด 1,111+ จะเพิ่มเนื้อชาบูที่เกรดดีกว่า รวมไปถึงกลุ่มของซาซิมิก็จะมีไข่แซลมอน และพวกปลาฮามาจิ และอีกหลายเมนูที่เพิ่มเติมขึ้นมา

อันที่จริงจากที่ได้ลองชุด 1,111+ ต้องบอกว่าชุด 666+ นี่ก็คุ้มมากแล้วถ้าเทียบกับร้านเฟรนไชน์ใหญ่ตามห้าง มีเวลาให้นั่งกิน 2 ชั่วโมงแบบไม่ต้องลุกไปไหน ทุกอย่างเสิร์ฟถึงโต๊ะ และร้านเปิดให้บริการเวลา 11:30 – 22:00 น.

อร่อยทุกเมนู คำนี้ไม่เกินจริง

ด้วยความที่มาร้าน kabukichō 77 เป็นครั้งแรก เราเลยอยากลองหลายอย่าง สั่งมากเพียบ และอาจเป็นเพราะเรามาช่วงบ่ายในวันที่คนยังน้อยทำให้ร้านเสิร์ฟเร็วมาก จานแรกที่ยกมาวางก็ทำเอาเราประทับใจมากๆ เพราะปรกติแล้วร้านส่วนมากที่เราเจอมักจะดองกุ้งและแซลมอนไม่เข้าเนื้อ ทำให้ไม่อร่อย แต่ของร้านนี้ดองเข้าเนื้อทำให้มีความหนึบและหอมอร่อยมาก

เกร็ดความรู้เล็กๆ แซลมอนดอง กุ้งดอง ใส่พริก กะเทียม กินคู่กับข้าวญี่ปุ่น สาหร่าย และไข่ดอง แบบที่นิยมในปัจจุบัน ทีมเราเป็นรายแรกที่แจกสูตรออนไลน์และการกินแบบนี้ครับ …ไม่ได้หมายความว่าเราคิดคนแรกนะครับ แต่เราเป็นทีมแรกที่แจกสูตรออนไลน์ เดิมทีเค้าจะใช้ส่วนผสมที่ยุ่งยากกว่านี้ เราเลยปรับให้ง่ายขึ้นแล้วแจกสูตร จนโด่งดังในช่วงยุคโควิดครับ

โดยจุดสำคัญที่ทีมเราชอบจนอยากบอกต่อและแจกสูตร คือซอสต้องเข้มข้น เนื้อปลาต้องชิ้นหนา และต้องดองเข้าเนื้อจนปลาเปลี่ยนสี มันถึงจะอร่อย คล้ายเจลลี่หนึบๆ หอมๆ กินคู่กับไข่ดอง ห่อด้วยข้าวและสาหร่าย ลงตัวมาก …แต่หลายร้านลดต้นทุนและทำไม่เข้าเนื้อเลย ต่างจากร้านนี้ทำเข้าเนื้อได้น่าประทับใจมาก

จุดถัดมาที่ถูกใจเราก็คือจำพวกด้ง ข้าวหน้าต่างๆ มาเป็นชามขนาดเล็กให้เราได้ลองแบบหลากหลาย และเราได้ลอง 2-3 แบบ ทุกจานทำได้อร่อยและหอมทุกจานในระดับน่าประทับใจเลย

ถัดมาที่ทำผมเคลิ้มข้ามวันข้ามคืนคือยุกเกะ ซึ่งทางร้านมีให้เลือกหลายแบบทั้งยุกเกะเนื้อ ยุกเกะกุ้ง ยุกเกะแซลมอน ซึ่งยุกเกะเนื้อมันนุ่มเนื้อ ละมุนไข่ หอมซอสและงาที่คลุกเคล้า …นี่ก็ข้ามมาเป็นวันแล้ว ผมยังจำความรู้สึกของจานนี้ได้อยู่เลย มันตราตรึงมาก ส่วนพลอยจะชอบยุกเกะกุ้งมากกว่า

และที่พลาดไม่ได้สำหรับสายซาซิมิก็คือปลาดิบรวม 17 ชนิด ซึ่งที่จริงเราสั่งแยกได้ครับ แต่ถ้าอยากอลังการก็สั่งทีเดียว 17 ชนิดได้เลย ปลาแต่ละชนิดเนื้อแน่นกำลังดี แต่ที่น่าสนใจคือซาบะดองที่เนื้อนวลเด้งมาก และไม่เปรี้ยวไม่เค็มเกินไป และยังมีแซลมอนหมักคอมบุ กับปลาไทหมักคอมบุ ที่เนื้อจะเฟิร์มแน่นขึ้น เหมาะสำหรับคนที่ชอบเนื้อแน่นๆ หนักๆ …แต่ก็บอกตามตรงว่า ทูน่าที่เราได้เป็นส่วนที่ติดพังผืด เคี้ยวยากไปหน่อย แต่ก็เข้าใจได้ในความเป็นบุฟเฟต์ครับ

อีกเมนูที่มีในชุด 1,111+ คือไข่ปลาแซลมอนที่สั่งได้ไม่อั้น โดยจะเสิร์ฟมาเป็น Portion เล็กๆ พร้อมใบโอบะ ซึ่งส่วนตัวแล้วผมชอบกินใบโอบะด้วย …ถ้าไปซื้อใบโอบะเนี่ย ใบละ 10 บาทเลยนะครับ มันมีความหอมอร่อยอยู่นะ แต่คนมักมองว่ามันเป็นผักรองจานแค่นั้น

มาถึงกลุ่มของเสียบไม้ย่างกันบ้าง เค้ามีให้เลือกทั้งย่างหมาล่า ย่างเกลือ ย่างเทอริยากิ โดยรวมแล้วจุดเด่นของเค้าคือความหอม และวัตถุดิบดีครับ หอยก็ตัวใหญ่ กุ้งก็ตัวใหญ่ หนังไก่ก็หนึบๆ หอมๆ เคี้ยวเพลินมาก ส่วนท้องแซลมอนทอดก็มาแบบทอดรอบด้านเลย ไม่เลี่ยนจนเกินไป

อีกเมนูที่ยังคงทำได้ดีก็คือกุ้งเทมปุระ กุ้งตัวไม่ใหญ่มาก แต่ก็ไม่เล็ก จัดว่าดีสำหรับความเป็นบุฟเฟต์ และแป้งก็ทอดมากรอบกำลังดี จิ้มกับซอสแล้วอร่อยครับ

ในกลุ่มของซูชิ ผมอยากให้ลองมากิบอมครับ เมนูนี้เป็นการผสมผสานเนื้อปลาหลายอย่าง ซึ่งมันพูนจนหาข้าวไม่เจอเลย แต่ถ้าจะเป็นมากิได้มันก็ต้องมีข้าวใช่ไหม …ถ้าเรากินเนื้อปลาด้านบนจนหมด จะเห็นว่าด้านล่างจะมี Kappa Maki ที่เป็นข้าวไส้แตงกวา ชิ้นเล็กๆ วางไว้พอเป็นพิธีว่าจานนี้มีข้าวนะ ถ้าให้แนะนำก็คือเอาขวดโชยุมาเทราดลงบนเนื้อปลาเลยครับ แล้วคีบกินตามสะดวก

ชูชิเป็นคำก็ทำได้ดีมาก โดยเฉพาะฟัวกรา ที่แม้จะให้ฟัวกราชิ้นไม่ใหญ่นัก แต่การเบิร์นของเค้าทำมาได้พอดี ทำให้เนื้อมีความนุ่มและหอมปลายยาวๆ เลย ส่วนปลาไหลก็มีเนื้อผัสผัสและรสที่ดีลงตัว อร่อยมากครับ และที่สำคัญข้าวที่เค้าปั้นมาไม่ใหญ่จนตัดกำลัง แต่ใหญ่พอดีกับความอร่อย และบางเมนูเค้าใช้ข้าวแดงด้วยครับ

และถ้าอยากชาบูล่ะก็ เค้าก็มีซุปน้ำดำให้เลือก เสิร์ฟพร้อมไข่เกรดกินดิบได้ ถ้าเป็นชุด 1,111+ จะมีเนื้อเพิ่มมา 2 ตัว โดยเนื้อลายหินอ่อนจะออกแนวได้กัดได้เคี้ยว แต่ถ้าชอบแบบนุ่มละลาย ก็ต้องเลือกคาบูกิโจครับ

นอกจากนี้ยังมีอีกหลายเมนูที่เราได้ลองครับ เค้าทำได้ดีทุกเมนูจริงๆ ขนาดว่าเราวางสเต็กไว้นาน เนื้อยังนุ่มอร่อยอยู่เลย

ความเห็นเพิ่มเติม

แม้ว่าของเค้าจะน่ากินทุกอย่าง และอร่อยแทบทุกเมนู แต่ก็อยากให้สั่งอย่างใจเย็นครับ เพราะรอบนี้อยากลองหลายเมนูแล้วกะขนาดกันไม่ถูก สรุปว่ากินเหลือ โดนค่าปรับไปตามปริมาณของที่เหลือ …แต่เดี๋ยวจะกลับไปแก้มือ ของเค้าดีจริงครับ แนะนำว่าควรไปหลายคนถ้าอยากลองหลายเมนูครับ