Acer Aspire E15 จัดว่าเป็น Personal Computer ที่สเป็กเหมาะจะเล่นเกมเครื่องแรกในรอบหลายปีที่ผมได้สัมผัส เพราะด้วยหน้าที่การงานทำให้ผมเลือกที่จะพกโน๊ตบุ๊คเครื่องเล็กๆ สเป็กไม่ต้องสูงมากอย่าง MacBook 12″ แต่การย้อนความรู้สึกกลับมาใช้จอใหญ่ สเป็กแรงแบบนี้อีกครั้งก็ทำให้รู้สึก relax ไม่ต่างจากการใช้คอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะ

ถ้าย้อนไปก่อนยุค 64 bit ก็คงเรียกได้ว่าผมเป็นแฟน AMD ตัวยง ด้วยความที่งบน้อยและรู้สึกว่ามันเป็นของแรงในราคาที่เอื้อมถึง แต่หลังจากนั้นผมก็รู้สึกว่า Intel ดูจะตอบโจทย์มากกว่าจนไม่ได้ใช้ AMD มานานมาก บวกกับภาพลักษณ์ของ AMD ช่วงเวลานึงที่ทำให้ผมรู้สึกว่ามันไม่ค่อยน่าใช้ แต่ความรู้สึกพวกนี้ถูกลดทอนลงไปหลังจากได้ใช้ Acer Aspire E15 เครื่องนี้

ความประทับใจแรกพบเลยก็คือความสวยงามของฝาหลังที่ช่วยเพิ่มความหรูให้เครื่อง และเมื่อกดพับปิดหน้าจอลงมาก็รับรู้ถึงความแข็งแรงของข้อพับที่ค่อนข้างแน่นหนา หน้าจอ 15.6 นิ้วกับความละเอียด HD มีมุมองศาการมองที่ค่อนข้างกว้าง สีสันไม่ผิดเพี้ยนมากนัก

การเชื่อมต่อต่างๆ จัดว่าให้มาครบทั้ง USB-C, VGA, HDMI, USB 3.0 จำนวน 2 ช่อง, USB 2.0 จำนวน 1 ช่อง, ช่องเสียบหูฟัง และยังสามารถใช้งาน SD Card รวมถึง DVD อีกด้วย ซึ่งถาด DVD จัดเป็นของที่หาได้ไม่ง่ายนักจากโน๊ตบุ๊ครุ่นใหม่ๆ เพราะส่วนใหญ่จะเน้นตอบโจทย์ด้านความบางเบามากกว่า …แต่แม้ว่า Acer Aspire E15 จะจัดเต็มมาให้ขนาดนี้แต่ตัวเครื่องก็ค่อนข้างเบาเมื่อเทียบกับขนาด 15.6 นิ้วด้วยกัน

Acer Aspire E15 ก็มีอีกหลายรุ่นย่อยแต่ที่ผมได้มาคือ E5-553G-F1|2 ในราคาราว 16,900 บาท ขับเคลื่อนด้วยพลัง AMD Quad-Core FX-9800P with Turbo CORE 3.60 GHz กับ AMD Radeon R8 M445DX 2 GB ซึ่งจัดว่าเป็นตัวแรงของค่าย กับแรม DDR4 8 GB และ HDD 1000 GB

การใช้งานแรกเริ่มตั้งแต่แกะกล่องก็ค่อนข้างเหนื่อยเล็กน้อย เพราะรุ่นนี้ไม่มี Windows มาให้ ถึงกับต้องรันคำสั่ง linux กันเลยทีเดียว ก็เลยต้องออกแรงกันหน่อยกว่าจะได้ Windows มาใช้กันจริงจัง

สิ่งสำคัญสำหรับผมก็คือส่วนของการป้อนข้อมูลอย่าง Touchpad และแป้นพิมพ์ ซึ่งรุ่นนี้ก็ทำออกมาได้ค่อนข้างดีต่างจาก Acer Aspire R13 ที่ผมซื้อมาเมื่อราว 2 ปีก่อนด้วยราคาราว 49,900 บาท ที่มีส่วนของการป้อนข้อมูลน่าผิดหวังมาก ทั้งการตัดแผง function และมี Touchpad ที่ย่ำแย่รวมถึงหน้าจอสัมผัสก็ทำได้ไม่ดีเท่าที่ควร …แต่ Acer Aspire E15 เป็นการพัฒนาที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดโดยเฉพาะ Touchpad กับการรองรับ Multitouch ที่แม่นยำและลื่นไหลเนียนตา

ปุ่มปรับเสียง ปรับแสงและการควบคุมต่างๆ ต้องเรียกใช้ผ่านปุ่ม fn แต่เพราะการเลือกใช้แป้นพิมพ์ขนาดเต็มเลยทำให้มีปุ่มคำสั่งครบถ้วนใกล้เคียงกับแป้นพิมพ์ทั่วไปทั้ง Print Screen, Pause, Del, home, Page Up, Page down, End รวมถึง Numpad เต็มรูปแบบ

อีกจุดที่น่าสนใจก็คือลำโพงที่จัดว่าดังมากและคุณภาพเสียงก็ถือว่าทำได้ค่อนข้างดีซะด้วย แต่ปัญหาเล็กๆ อยู่ตรงที่เสียงถูกส่งผ่านออกมาด้านล่างของตัวเครื่อง ทำให้การวางบนวัสดุแต่ละอย่างก็ให้เสียงต่างกันออกไป เช่น การวางบนโต๊ะไม้ก็ให้เสียงที่ใสน่าฟัง แต่ถ้าวางบนพรมก็จะอู้อี้ขึ้นมาทันที

ส่วนตัวแล้วผมไม่ค่อยเล่นเกมอะไรมากนัก อย่างมากก็ PES เลยทดสอบใช้จริงด้วย FIFA 2017 Demo ซึ่งก็ลื่นไหลดีไม่มีปัญหาแต่อย่างใด จะติเล็กน้อยก็ตรงแบตเตอรี่ที่ใช้งานจริงได้ราวๆ 1-4 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับว่าใช้งานหนักแค่ไหน ซึ่งมันน้อยเกินไปสำหรับผมที่เคยตัวกับพวกโน๊ตบุ๊คเน้นประหยัดพลังงานและใช้ต่อเนื่องได้ราวๆ 6 ชั่วโมง …แต่มันก็สมเหตุสมผลกับลักษณะการใช้งานที่เน้นความแรงเป็นหลัก ซึ่งมันก็เร็วจนบางอารมณ์ทำเอาผมรู้สึกหงุดหงิดกับ MacBook 12″ ไปเลย

นอกจากนี้ยังสามารถปรับแต่งระบบได้อีกพอตัว อย่างเช่นการปรับความละเอียดหน้าจอให้กลายเป็น Full HD ทั้งที่หน้าจอจริงมีความละเอียดเพียง HD เท่านั้น

บทสรุป

Acer Aspire E15 ไม่ได้ตอบโจทย์เฉพาะคนเล่นเกม แต่ยังตอบโจทย์การใช้งานทั่วไปได้เป็นอย่างดี ด้วยหน้าจอที่ใหญ่และลำโพงที่ดังก็ทำให้เหมาะกับกิจการด้าน Multimedia ทั้งการดูหนังฟังเพลง ส่วนการมี Numpad และการป้อนข้อมูลที่ดีก็ช่วยให้การพิมพ์หรือทำงานก็เป็นเรื่องสะดวกยิ่งขึ้น …เมื่อมองถึงคุณสมบัติเทียบกับราคาราว 16,900 บาท จัดว่าเป็นอีกรุ่นที่น่าสนใจมาก แม้ว่าผมเองที่เชื่อมั่นใน Intel มายาวนานและเน้นเฉพาะ Core i5 กับ i7 ก็รู้สึกว่ารุ่นนี้มีดีพอที่จะควักกระเป๋าแล้วหิ้วกลับบ้าน