ສະບາຍດີ ຫຼວງພະບາງ…กับการเดินทางแบบมีความชิว

หากให้นึกถึงเมืองสวยๆ บรรยากาศชิวๆ ผมคิดว่าหลายๆคนคงมีชื่อเมืองหลวงพระบางอยู่ในความคิดอยู่บ้าง สำหรับทริปนี้เกิดขึ้นได้ต้องขอบคุณสายการบิน Thai Air Asia ที่เปิดเส้นทางดอนเมือง – หลวงพระบางขึ้นมา จากที่ไม่ไปเที่ยวที่นี่ในช่วงนี้ แต่เนื่องจากราคาที่ออกมานั้นเป็นอะไรที่ยั่วยวนมาก หลังจากประกาศเปิดจองรูทนี้ผมใช้เวลาเพียง 5 นาทีในการตัดสินใจและจองแบบไม่ต้องคิดอะไรมากเลยในการจองเฉพาะขากลับ ซึ่งผมได้ตั๋วมาในราคาประมาณ 1,385 บาท (ไม่รวมโหลดกระเป๋า)

สำหรับทริปนี้เอาจริงแล้วผมไม่มีแพลนอะไรเลยนอกจากอยากไปชิวๆ คิดไว้คร่าวๆแค่ขึ้นรถไฟจากไทยข้ามไปลาว แล้วค่อยเลาะขึ้นไปเรื่อยๆจนถึงหลวงพระบาง ไปดูชีวิตคนต่างบ้านต่างเมือง หาแรงบรรดาลใจ หาประสบการณ์ใหม่ๆ จากนั้นก็ค่อยบินกลับ นี่คือแพลนที่ละเอียดที่สุดของผม ณ ตอนนั้นเลย…

“เริ่มต้นเดินทาง”

ด้วยความที่อยากเสพบรรยากาศแบบสุดชิว อยากใช้ชีวิตอย่างไม่เร่งรีบ มีเวลานอนคิดไรเล่นๆ ผมเลือกไปรถไฟ ซึ่งขบวนที่ผมเลือกคือขบวนที่ 69 กรุงเทพ-หนองคาย เป็นแบบตู้นอนชั้น 2 สำหรับผมนี่คือการเดินทางที่สบายสุดๆ เพราะรถออกตอนเวลา 20.00 น. นั่งคิดโน่นคิดนี่ไปเรื่อยเปื่อยก็ได้เวลานอนพอดี ตื่นเช้ามาอีกทีก็ถึงปลายทางแล้ว ไม่รู้สึกเหนื่อยหรือล้าอะไรด้วย มีแรงพร้อมลุยต่อเหลือเฟือ…

“พร้อมออกเดินทาง เลท 5 นาที”

สำหรับรถไฟขบวนนี้ใช้เวลาเดินทางจากกรุงเทพฯ ถึงหนองคายประมาณ 11 ชั่วโมง รถไฟจะถึงสถานีหนองคายประมาณ 7 โมง จากนั้นก็มาซื้อตั๋วรถไฟจากสถานีหนองคาย-ท่านาแล้ง (ค่าตั๋ว 20 บาท) หลังจากได้ตั๋วเสร็จก็ให้ทำการทำเรื่องผ่านตม. ให้เรียบร้อย เสร็จเรียบร้อยก็ให้เดินขึ้นไปนั่งรอรถไฟออกเพื่อข้ามไปฝั่งลาว

“ถึงจุดหมายแรก เตรียมเดินทางไปยังจุดต่อไป”
“รอรถไฟ”
ตามเวลาออก 7.30 น. ออกจริง 8.00 น.

รถไฟมาแล้ว…!! เตรียมตัวข้ามไปสถานีท่านาแล้งฝั่งลาว

รถไฟขบวนนี้จะขึ้นสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 1 เพื่อข้ามไปสถานีท่านาแล้งในฝั่งลาว

รถไฟจะใช้เวลาประมาณ 15 นาทีในการเดินทาง หลังจากที่ถึงสถานีท่านาแล้งแล้วก็ให้ทำเรื่องเข้าเมืองให้เรียบร้อยแล้ว จากนั้นก็หารถเข้าเมืองเวียงจันทร์

*** สำหรับการเดินทางจากสถานีท่านาแล้งเข้าไปในตัวเมืองเวียงจันทร์นั้น จากที่นี่จะไม่มีรถประจำทางเลย นอกจากรถ taxi ซึ่งต้องเหมาไปในราคา 400 บาท/เที่ยว ***

“คิวรถไปวังเวียงในเมืองเวียงจันทร์”

“มุ่งหน้าสู่วังเวียง ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง”

หลังจากถึงวังเวียงก็ต่อรถสองแถวเข้าที่พัก…

เนื่องจากทริปนี้ผมไม่ได้หาที่พักไว้ล่วงหน้าเลยแม้แต่นิดเดียว ก็เลยต้อง walk-in เดินหาที่พักไปเรื่อยๆ หลังจากได้ที่พักแล้วก็งีบไปตื่นนึงเนื่องจากแดดร้อนและเหนื่อยมาก 555 ซึ่งสำหรับทริปนี้แล้วผมไม่ได้โฟกัสที่วังเวียงมากอยู่แล้ว แค่กะแวะมานอนพักแล้วพรุ่งนี้เช้าค่อยต่อรถไปหลวงพระบางต่อ สำหรับรูปที่วังเวียงอาจจะน้อยมากๆๆๆ ต้องขออภัยด้วยนะครับ…

“หลังจากงีบเสร็จก็ถึงเวลาเดินหาของกิน”
“ภาพตัดมาอีกทีก็เช้าแล้ว ต้องหาอะไรกินเช่นเคย”

หลังจากจัดการมื้อเช้าที่วังเวียงเรียบร้อยแล้วก็หาซื้อตั๋วรถไปหลวงพระบางต่อ สำหรับตั๋วรถสามารถหาซื้อได้ทั่วเมืองเลยมีขายเพียบ เลือกกันได้ตามใจชอบราคาแต่ละร้านจะไม่เท่ากัน ต่างกันนิดหน่อย จากวังเวียงถึงหลวงพระบางจะใช้เวลาประมาณ 5-7 ชั่วโมงแล้วแต่ประเภทรถ โดยรถจะมาส่งที่บขส. หลวงพระบางจากนั้นให้เราต่อรถสามล้อสกายแลปเข้าเมือง ครั้งนี้ผมหารไปกับฝรั่ง 5 คนทุกคนตกลงว่าไปลงตรงถนนคนเดินหมด หลังจากนั้นก็แยกย้าย…

สำหรับคนที่มาคนเดียวแนะนำให้หาคนหาร หรือไปขอหารกับเค้าก็ได้ เพราะถ้าเหมามาคนเดียวราคาค่อนข้างสูงเอาเรื่อง แต่ถ้าอยากไปส่วนตัว งบไม่อั้นก็จัดไป…

“รถสามล้อสกายแลป”
“และแล้วก็มาถึง หลวงพระบาง”

เดินชื่นชมบรรยากาศในเมืองไปเรื่อยๆ มองดูความงดงามในอดีตที่ยังมีอยู่ในปัจจุบัน วิถีชีวิตของผู้คนที่นี่น่าสนใจมากๆ ไม่ใช่เพียงแต่คนท้องถิ่นแต่รวมถึงนักท่องเที่ยวด้วย ทำไมฝรั่งถึงชอบมาที่นี่ ทำไมใครๆก็พูดถึงที่นี่ ทุกคำถามในหัวเต็มไปหมด มีเวลาอยู่ที่นี่สามวันก็ต้องค้นหาคำตอบของสิ่งเหล่านี้ให้ได้…

สำหรับวันแรกที่หลวงพระบางผมใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการเดินเล่นรอบๆเมือง สร้างความคุ้นเคย หาซื้อทัวร์ และหาที่พักไปในตัว…
“ภาพบรรยากาศในเมืองวันแรกรัวๆ”
หลังจากพอได้รูปพอหอมปากหอมคอก็ได้เวลาเข้าที่พัก เพื่อเปิดแอร์นอนแล้วงีบหลับสักตื่น 555
ภาพตัดมาอีกทีก็มืดแล้ว ถึงเวลาหาของกินและเดินถนนคนเดิน สำหรับที่นี่ถนนคนเดินจะมีทุกวันเลย ของที่ขายส่วนใหญ่ก็จะเป็นของฝากพื้นเมืองพวกเสื้อผ้า เครื่องประดับ ส่วนของกินจะอยู่รอบๆนอก มีให้เลือกสรรกันเพียบ!!
“บรรยากาศถนนคนเดินคืนแรก”

…จบคืนแรกที่หลวงพระบาง…

วันที่สองที่หลวงพระบาง
วันนี้ในช่วงเช้าผมได้ซื้อทัวร์ไปเที่ยวน้ำตกตาดกวางสีไว้ สำหรับน้ำตกนี้ขึ้นชื่อว่า “สวยที่สุด” ในหลวงพระบางเลยทีเดียว แล้วผมจะพลาดได้อย่างไรกันเล่า…
“ค่าเข้าชม 20,000 กีบ”

เดินขึ้นไปเรื่อยๆ ก็จะเจอจุดให้เล่นน้ำเป็นระยะๆ

น้ำตกที่นี่สีน้ำออกสีฟ้าๆ น้ำใสและสวยงามมากๆ มองแล้วรู้สึกสดชื่นตลอด

มองภาพนี้แล้วรู้สึกดีไปด้วย…

หลังจากกลับจากน้ำตกแล้ว ก็กลับมาเดินเล่น และหาอะไรกินในเมืองต่อ…
“เฝอ”
“เดินเรื่อยเปื่อยในเมือง”

“มาเล่นบอลกับเด็กๆ”

ช็อตนี้โรนัลโด จูเนียร์กำลังลากบอลเข้าไปทำประตู
สถานที่เตะบอลเราคือ “ในวัด”

ใกล้มืดแล้วได้เวลาอาหารค่ำ…

“ซอยนี้ของกินเพียบ!!”

“บุพเฟ่ต์มังสวิรัติ อิ่มละ 10,000 กีบ”

หลังจากกินเสร็จก็มาเก็บตกถนนคนเดินอีกรอบ
“ปิดท้ายคืนวันที่สองจากการนั่งมองผู้คนตรงนี้”
วันสุดท้ายที่หลวงพระบาง
เช้านี้ตื่นมาทำบุญ หลังจากตั้งใจไว้ตั้งแต่เมื่อวานแต่ไม่ตื่น – – วันนี้เลยตั้งนาฬิกาปลุกรัวๆตั้งแต่ตีสี่ครึ่ง ที่นี่พระจะเริ่มออกบิณฑบาตตั้งแต่ตีห้า ผมเลยต้องรีบเดินออกไปหามุมรอ…
“ระหว่างรอพระ”
“พระมาแล้ว”

หลังจากทำบุญตักบาตรเสร็จเรียบร้อยก็ได้เวลาของมื้อเช้า…

“ร้านการแฟปะชานิยม” เป็นร้านกาแฟที่ขึ้นชื่อและเก่าแก่ที่สุดในหลวงพระบาง
 “มื้อเช้าวันนี้”
หลังจากที่อิ่มแล้วก็มาเดินตลาดเช้าต่อ
จากนั้นก็เดินขึ้นพระธาตุพูสี
บรรยากาศบนพระธาตุสามารถมองเห็นเมืองหลวงพระบางได้แบบ 360 องศา
เสียดายที่วันนี้ฝนมาครึ้มท้องฟ้าเลยดูเน่าไปเลย
ลงจากพระธาตุก็มาเดินเล่นในเมืองต่ออีกแปปก่อนบินกลับกรุงเทพฯ
“แวะส่งโปสการ์ดกลับไทย”
ถึงเวลาบอกลา “หลวงพระบาง”
จากในเมืองผมเหมารถสามล้อสกายแลปไปส่งที่สนามบินในราคา 200 บาท
“สนามบินหลวงพระบาง”
“รอขึ้นเครื่องกลับบ้าน”
สรุปค่าใช้จ่ายทริปนี้…

day 1 (เวียงจันทร์-วังเวียง)

  • ค่ารถไฟ กท-หนองคาย 758 บาท
  • ค่ารถไฟ หนองคาย-ท่านาแล้ง 20 บาท (รวมค่าผ่านแดน)
  • ค่ารถจากท่าหน้าแล้งมาคิวรถวังเวียง 279 บาท
  • ค่ารถจากเวียงจันทร์-วังเวียง 300 บาท
  • ค่าอาหาร+เครื่องดื่ม 92,000 กีบ

day 2 (วังเวียง-หลวงพระบาง)

  • ค่าที่พักคืนแรก 130,000 กีบ
  • ค่ารถไปหลวงพระบาง 100,000 กีบ
  • ค่ารถเข้าเมือง 10,000 กีบ
  • ค่าโรงแรม 620 บาท
  • ค่าอาหาร+เครื่องดื่ม 37,000 กีบ

day 3 (หลวงพระบาง)

  • ค่าที่พัก 42,000 กีบ
  • ค่าทัวร์ไปน้ำตกตาดกวางสี 45,000 กีบ
  • ซื้อของฝาก 95,000 กีบ
  • ค่าอาหาร+เครื่องดื่ม 140,000 กีบ

day 4 (หลวงพระบาง)

  • ค่าของตักบาตร 20,000 กีบ
  • ค่าขึ้นพระธาตุภูสี 20,000 กีบ
  • ค่าโปสการ์ด 8,000  กีบ
  • ค่าส่งโปสการ์ด 42,000 กีบ
  • ค่ารถไปสนามบิน 40,000 กีบ
  • ค่าเครื่องบิน 1,385 บาท
  • ค่าอาหาร+เครื่องดื่ม 58,000 กีบ

สรุปคร่าวๆเป็นเงินบาทแล้วก็ประมาณ 7,000 บาท

*ภาพในรีวิวนี้ถ่ายด้วย iPhone 6S plus และ Nikon D7200 (Sigma 17-50 f2.8, Nikon 50 f1.8)

Process ด้วย LR6 และ Vsco Cam

“แล้วเจอกันใหม่ทริปหน้า…”
–ขอบคุณครับ–
NSWANDER