ทำความรู้จัก NFC คืออะไร เทคโนโลยีสื่อสารระยะใกล้ที่มีประโยชน์มากมาย

Near Field Communication (NFC) เป็นเทคโนโลยีการสื่อสารไร้สายระยะสั้นที่เริ่มมีประโยชน์ในชีวิตประจำวัน โดยหลายคนอาจจะยังไม่รู้จักว่าคืออะไร หลายคนใช้อยู่โดยไม่รู้ตัว วันนี้เราจะมาแนะนำให้รู้จัก NFC ว่าคืออะไร ทำงานอย่างไร และมีประโยชน์อย่างไรบ้าง
NFC คืออะไร
Near Field Communication (NFC) เป็นเทคโนโลยีการสื่อสารไร้สายระยะสั้นที่ช่วยให้สามารถถ่ายโอนข้อมูลระหว่างอุปกรณ์สองเครื่องในระยะใกล้ได้ NFC เป็นส่วนหนึ่งของเทคโนโลยี RFID ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้การแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ปลอดภัยระหว่างอุปกรณ์สองเครื่อง โดยอุปกรณ์ที่มี NFC มักจะมีสัญลักษณ์ด้านล่างนี้อยู่บนตัวผลิตภัณฑ์หรือในซอฟต์แวร์

NFC ทำงานอย่างไร
เทคโนโลยี NFC อาศัยการเหนี่ยวนำแม่เหล็กไฟฟ้าเพื่อสื่อสารกับอุปกรณ์อื่นๆ ทำงานที่ความถี่ 13.56 MHz เมื่อนำอุปกรณ์ที่เปิดใช้งาน NFC สองเครื่องเข้ามาใกล้กัน สนามแม่เหล็กไฟฟ้าจะถูกสร้างขึ้นระหว่างอุปกรณ์ทั้งสอง ทำให้สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลแบบไร้สายได้ อุปกรณ์ NFC มีโหมดการทำงาน 2 โหมด
- โหมดแอคทีฟ: อุปกรณ์ทั้งสองสร้างสนามแม่เหล็กไฟฟ้า และเกิดการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างอุปกรณ์ทั้งสอง
- โหมดพาสซีฟ: อุปกรณ์หนึ่งสร้างสนามแม่เหล็กไฟฟ้า และอุปกรณ์อื่นตอบสนองต่อสนามไฟฟ้า อุปกรณ์ที่เปิดใช้งาน NFC จะสามารถอ่านและเขียนไปยังแท็ก NFC ซึ่งเป็นอุปกรณ์ขนาดเล็กแบบพาสซีฟ

จุดเด่นและจุดด้อยของ NFC
จุดเด่น
- สะดวกสบาย: เทคโนโลยี NFC ช่วยให้ถ่ายโอนข้อมูลระหว่างอุปกรณ์ได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย เพียงนำอุปกรณ์ที่มี NFC มาแตะกัน ก็สามารถถ่ายโอนข้อมูลได้ทันที
- ปลอดภัย: เทคโนโลยี NFC ใช้การเข้ารหัสเพื่อปกป้องข้อมูลระหว่างการถ่ายโอน นอกจากนี้ การทำธุรกรรมผ่าน NFC อุปกรณ์จำเป็นต้องอยู่ใกล้กัน ทำให้ดักข้อมูลได้ยาก
- สารพัดประโยชน์: เทคโนโลยี NFC สามารถนำไปใช้งานรูปแบบต่างๆ ได้ตั้งแต่การชำระเงินผ่านมือถือ การออกตั๋วโดยสาร ไปจนถึงการควบคุมการเข้าออกพื้นที่
- ผสานรวมเข้ากับอุปกรณ์อื่นได้ง่าย: เทคโนโลยี NFC สามารถรวมเข้ากับอุปกรณ์ที่มีอยู่ได้อย่างง่ายดาย เช่น สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต ทำให้เป็นโซลูชันที่คุ้มค่าสำหรับธุรกิจ
- ประหยัดพลังงาน: เทคโนโลยี NFC ได้รับการออกแบบมาให้ประหยัดพลังงาน โดยใช้พลังงานน้อยมากๆ ในการถ่ายโอนข้อมูล
จุดด้อย
- ระยะจำกัด: เทคโนโลยี NFC มีระยะจำกัดประมาณ 4 ซม. ซึ่งอาจทำให้ยากต่อการใช้งานบางประเภท เช่น การสื่อสารระยะไกล
- ความปลอดภัย: แม้ว่าโดยทั่วไปแล้วเทคโนโลยี NFC จะถือว่าปลอดภัย แต่ก็ยังมีความเสี่ยงจากการสกัดกั้นข้อมูลและการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาตได้
- ความเร็ว: NFC ออกแบบมาให้ส่งข้อมูลขนาดเล็กเท่านั้น จึงมีความเร็วในการส่งข้อมูลที่ช้ากว่าเทคโนโลยีไร้สายอื่นๆ เช่น Bluetooth หรือ Wi-Fi ค่อนข้างมาก
- ค่าใช้จ่าย: แม้ว่าเทคโนโลยี NFC จะมีให้ใช้งานอย่างแพร่หลายมากขึ้น แต่การใช้งานบางประเภทก็ยังอาจมีราคาแพง เช่น ระบบจองตั๋วโดยสารสาธารณะหรือระบบควบคุมการเข้าออก

การประยุกต์ใช้งาน
เทคโนโลยี NFC มีการใช้งานที่หลากหลายในอุตสาหกรรมต่างๆ รวมถึง
การชำระเงินและการทำธุรกรรม: NFC เปิดใช้งานการชำระเงินแบบไร้สัมผัสโดยใช้อุปกรณ์มือถือหรือบัตรเครดิตแตะกับเครื่องจ่ายที่รองรับ ในประเทศไทยมีการใช้งานแล้วเช่น Google Wallet, HUAWEI Wallet, บัตรเครดิตของ VISA และ Master Card

การควบคุมการเข้าถึงและการรักษาความปลอดภัย: สามารถใช้ NFC สำหรับการเข้าถึงอาคาร รถยนต์ และพื้นที่หวงห้ามอื่นๆ ได้อย่างปลอดภัย บัตรและแท็กเข้าออกอาคารที่เราใช้กัน หลายๆ ที่ก็ใช้เทคโนโลยี NFC นี่แหละ

การแลกเปลี่ยนข้อมูล: NFC ช่วยให้ถ่ายโอนข้อมูลระหว่างอุปกรณ์ต่างๆ ได้ง่าย เช่น รายชื่อติดต่อ รูปภาพ และเอกสาร

การตลาดและการโฆษณา: สามารถใช้แท็ก NFC สำหรับแคมเปญส่งเสริมการขาย ให้ข้อมูลผลิตภัณฑ์หรือส่วนลดแก่ลูกค้า

การขนส่งและการจองตั๋ว: สามารถใช้การ์ดหรืออุปกรณ์พกพาที่รองรับ NFC เพื่อออกตั๋วและเดินทางบนระบบขนส่งมวลชน

การดูแลสุขภาพ: สามารถใช้อุปกรณ์ที่เปิดใช้งาน NFC เพื่อจัดเก็บและแบ่งปันข้อมูลทางการแพทย์ได้อย่างปลอดภัย เช่น บันทึกผู้ป่วยและประวัติการใช้ยา

อนาคตของ NFC
เมื่อมีอุปกรณ์ที่รองรับ NFC มากขึ้นเรื่อยๆ การใช้งาน NFC ก็จะยิ่งมีความหลากหลายมากขึ้น เทคโนโลยี NFC คาดว่าจะมีความสำคัญมากขึ้นในการใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ Internet of Things (IoT) ทำให้อุปกรณ์อัจฉริยะสามารถสื่อสารระหว่างกันได้อย่างราบรื่น ตัวอย่างเช่น อุปกรณ์สมาร์ทโฮมที่เปิดใช้งาน NFC สามารถให้ผู้ใช้ควบคุมระบบอัตโนมัติภายในบ้านได้ด้วยการแตะสมาร์ทโฟนหรือสมาร์ทวอทช์บนเครื่องอ่าน
เทคโนโลยี NFC คาดว่าจะมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ ซึ่งสามารถนำไปใช้กับระบบต่างๆ เช่น การจองตั๋วขนส่งสาธารณะ มิเตอร์จอดรถ และการจัดการของเสีย