Canon ประกาศความพร้อมครองอันดับ 1 เปิดแคมเปญการตลาดแห่งปี “แคนเซิลทุกเรื่องยากด้วยแคนนอนพรินเตอร์”

บริษัท แคนนอน มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด (Canon) จัดงานแถลงข่าวครั้งสำคัญเผยความสำเร็จและแนวคิดการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ทำให้แคนนอนครองตำแหน่งพรินเตอร์อันดับ 1 ของเมืองไทยมาตั้งแต่ปี 2020 รวมถึงปี 2022 ที่ผ่านมา และเปิดแผนกลยุทธ์ปี 2023 เพื่อรุกตลาดพรินเตอร์ไทยเจาะกลุ่มลูกค้าในทุกเซกเมนต์ โดยปีนี้เน้นกลุ่ม B2B หลังผ่านพ้นภาวะการแพร่ระบาด พร้อมประกาศแคมเปญการตลาดแห่งปี “แคนเซิลทุกเรื่องยากด้วยแคนนอนพรินเตอร์” ภายในงานยังมีการจัด Products and Solutions Showcase เพื่อโชว์ไลน์อัปผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ฟังก์ชั่นการใช้งานของผู้บริโภคทุกระดับ พร้อมเปิดตัวพรินเตอร์ซีรีย์ใหม่ ได้แก่ อิงค์เจ็ทพรินเตอร์รุ่น G Series แบบ ‘มินิอิงค์’ (G-Series – Mini Ink), อิงค์เจ็ทพรินเตอร์แบบหมึกแทงค์เพื่อธุรกิจ (Business Ink Tank), เลเซอร์พรินเตอร์ (Laser Printers) และพรินเตอร์หน้ากว้างแบบตั้งโต๊ะ (Desktop Large Format)

มร.ฮิโรชิ โยโกตะ ประธานบริษัทและประธานกรรมการบริหาร บริษัท แคนนอน มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวว่า “แคนนอนพร้อมกลับมาครองแชมป์ส่วนแบ่งการตลาดผลิตภัณฑ์พรินเตอร์อีกครั้ง หลังจากที่เราสามารถครองตำแหน่งผู้นำพรินเตอร์อันดับ 1 ของตลาดเมืองไทยมาตั้งแต่ปี 2000 รวมถึงปี 2022 ที่ผ่านมาซึ่งแคนนอนสามารถครองส่วนแบ่งตลาดได้มากถึง 32% เหนือกว่าแบรนด์คู่แข่งแบบขาดลอย และสำหรับในปี 2023 นี้ แคนนอนขอประกาศความพร้อมในการตอบสนองของลูกค้าพรินเตอร์ได้ครบทุกเซกเมนต์ ผ่านการดำเนินงานที่สมบูรณ์แบบใน 4 ด้าน ได้แก่ ความเข้าใจใน Demand (อุปสงค์) ของลูกค้าทุกกลุ่ม การยกระดับ Supply (อุปทาน) ให้เพียงพอต่อความต้องการอย่างแน่นอน ซึ่งก็คือ Product (ผลิตภัณฑ์) คุณภาพสูงที่ใช้ง่าย ไม่มีสะดุด รวมไปถึงการมี Service Partner (พันธมิตรผู้ให้บริการ) โดยกล่าวได้ว่าแคนนอนเป็นแบรนด์พรินเตอร์ที่มีสาขาให้บริการมากที่สุดถึง 164 แห่งครอบคลุม 77 จังหวัดทั่วประเทศ เมื่อเปรียบเทียบกับแบรนด์พรินเตอร์ชั้นนำอื่น ๆ ซึ่งเราตั้งใจจะเพิ่มให้ได้ถึง 180 แห่งภายในปีนี้ เพื่อยกระดับความอุ่นใจและความสะดวกสบายแก่ลูกค้าแคนนอนในทุกภูมิภาค”

เผยทิศทางธุรกิจพรินเตอร์แคนนอนในปี 2023

เมื่อก้าวเข้าสู่ปี 2023 ผู้คนส่วนใหญ่โดยเฉพาะกลุ่มคนทำงาน เริ่มกลับมาใช้ชีวิตนอกบ้านและออกไปทำงานกันตามปกติมากขึ้น ส่งผลให้เกิดการขยายตัวของลูกค้ากลุ่มธุรกิจ (B2B) อย่างชัดเจน ในขณะที่ลูกค้ารายบุคคล (B2C) เริ่มมีอัตราเติบโตคงที่ ประกอบกับข้อมูลของสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ประจำปี 2022 แสดงให้เห็นว่าธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ของไทยมีการเติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญหลังผ่านพ้นวิกฤติการแพร่ระบาด โดยจำนวนผู้ประกอบการ SMEs เพิ่มจาก 58,058 รายในปี 2021 เป็น 72,480 ราย ในปี 2022 ซึ่งในจำนวนนี้คิดเป็นธุรกิจก่อสร้างทั่วไป 9% ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 6% และธุรกิจอาหาร 4% 

“แคนนอนเล็งเห็นว่าธุรกิจ SMEs จะเป็นหนึ่งในฟันเฟืองสำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้เจริญก้าวหน้าต่อไปได้อย่างมาก จึงต้องการสนับสนุนการใช้งานพรินเตอร์ของลูกค้ากลุ่ม B2B มากเป็นพิเศษ ทำให้ทิศทางการพัฒนาและเปิดตัวสินค้ารุ่นใหม่จะพุ่งเป้าหมายไปที่ลูกค้าเหล่านี้” มร.ฮิโรชิ โยโกตะ กล่าว “อย่างไรก็ดี เนื่องจากแนวคิดความยืดหยุ่นของสถานที่ปฏิบัติงานและการทำงานที่บ้าน (Work from Home) ยังคงเป็นเทรนด์ที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน ทำให้เรายังเห็นถึงความสำคัญของลูกค้ากลุ่ม B2C ซึ่งแคนนอนเป็นแบรนด์ที่แข็งแรงมากในตลาด B2C มาอย่างยาวนาน และมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อลูกค้ากลุ่มนี้มาอย่างต่อเนื่อง”

กล่าวได้ว่าแคนนอนพร้อมตอบโจทย์ลูกค้าพรินเตอร์ครบทุกเซกเมนต์ ซึ่งในปัจจุบัน แคนนอนนำเสนอพรินเตอร์ทั้ง INKJET Printer ได้แก่ TS Series, G Series, E Series, GX Series และ LASER Printer ทั้งสีและขาวดำ ที่สามารถตอบทุกความต้องการตั้งแต่การใช้งานในครัวเรือน ไปจนถึงองค์กรธุรกิจทุกขนาดและหน่วยงานภาครัฐได้อย่างครบครัน

เปิดตัวแคมเปญการตลาดแห่งปี “แคนเซิลทุกเรื่องยากด้วยแคนนอนพรินเตอร์”

“แนวคิดการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่แคนนอนยึดมั่นมาโดยตลอดคือ ความง่าย Simple to Use” เพราะเราตระหนักดีว่าชีวิตการทำงานในปัจจุบันมีความยุ่งยากมากพอแล้ว พรินเตอร์จึงต้องเป็นอุปกรณ์ที่ใช้งานได้ง่ายที่สุด อีกทั้งการใช้งานที่ไร้ปัญหากวนใจ ย่อมทำให้ผู้ใช้งานรู้สึกผ่อนคลายและช่วยให้ชีวิตของพวกเขาดีขึ้นได้จริง ๆ แนวคิดเหล่านี้จึงเป็นที่มาของแคมเปญการตลาดประจำปีของแคนนอนนั่นคือ “แคนเซิลทุกเรื่องยากด้วย แคนนอนพรินเตอร์” นางสาวเนตรนรินทร์ จันทร์จรัสสุข ผู้อำนวยการอาวุโส กลุ่มผลิตภัณฑ์คอนซูมเมอร์อิมเมจจิ้งอินฟอร์เมชั่น บริษัท แคนนอน มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าว